ท่ามกลางกลางกระแสข่าวขบวนการล็อบบี้เสียงโหวตล้มนายกรัฐมนตรีในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมาและนำไปสู่การหักดิบ ปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกจากเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งในแวดวงการเมืองรู้ดี ผู้กองธรรมนัส เปรียบเสมือนกล่องดวงใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ทำให้สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ความสัมพันธ์ “2 ป.” ระหว่าง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร กับ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ โดยมี “พี่รอง” บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะในจังหวะที่ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ต่างจังหวัดช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.ย. พร้อมกัน แต่แยกเดินสายคนละพื้นที่ ยิ่งทำให้กระแสกระแสข่าววัดกำลังระหว่าง พี่น้อง “2 ป.” ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น!!
“ป.ประยุทธ์” เป็นคนแรกที่พยายามออกมาดับกระแสข่าว ร้อยร้าว 2 ป. โดยชี้แจงในที่ประชุม ครม.การลงพื้นที่ไม่เกี่ยวกับการวัดพลัง ตามที่หลายจับจ้อง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่แบ่งงานกันทำ
“เรื่องการลงพื้นที่ของผม ไม่ต้องมาคอยนับว่า ผมหรือ พล.อ.ประวิตร ใครลงพื้นที่มากกว่ากัน ตอนนี้สื่อมองอยู่ว่าใครลงมากกว่ากันไม่เห็นจะต้องค่อยมามองเลย ผมก็ลงไปทำหน้าที่ของผม ลงพื้นที่ตามปกติ พรุ่งนี้ผมไปเพชรบุรี พี่ป้อมไปอยุธยา บอกว่าเป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งที่ไหน ไม่มี แบ่งกันทำงาน ต่างคนต่างทำงาน มัวแต่มาคิดอะไรกันแบบนี้” ป.ประยุทธ์ ย้ำ
ทางด้าน “ป.ประวิตร” ออกมายืนยันชัดเจน ไม่มีการวัดกำลังระหว่าง “2 ป.” ทุกคนรู้ดี ตนและ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีปัญหา มีแต่นักข่าวที่คอยเสนอข่าวทะเลาะเบาะแว้ง
“ผมและ พล.ประยุทธ์ กอดคอและสนิทสนมกันมา 50 กว่าปีแล้ว ข่าวที่ออกมาบ้าบอทั้งสิ้น จำเอาไว้นะ ให้ตายจากกันเรา 3 ป. ถึงจะเลิกรักกัน รู้สึกบ้าบอมากเลยกับข่าวที่ออกมาว่าทะเลาะเบาะแว้ง วัดกำลังกัน” พล.อ.ประวิตร ย้ำ
เมื่อพลิกแฟ้มประวัติ “พี่น้อง 3 ป.” มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นลึกล้ำยาวนาน เปรียบเสมือนพี่น้อง ท้องเดียวกันใช้ชีวิตร่วมเป็น-ร่วมตาย ตั้งแต่สมัย ชั้นยศร้อยตรี-ร้อยเอก
เกือบ 50 ปีที่แล้ว โชคชะตานำพาให้ ร.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (เตรียมทหาร รุ่นที่ 6) ร.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (เตรียมทหาร รุ่นที่ 10) และ ร.ต.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (เตรียมทหาร รุ่นที่ 12) เริ่มต้นรับราชการ ใช้ชีวิต กิน-นอน-เติบโต ภายในบ้านพักกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ (ร.21 รอ.) ค่ายนวมินทราชินี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนช่วยกันผลักดัน เรียงคิว ผงาดขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทั้ง 3 คน
“ป.ป้อม” ผบ.ทบ. คนที่ 34 ดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548
“ป.ป๊อก” ผบ.ทบ. คนที่ 36 ดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค.2550 – 30 ก.ย.2553
“ป.ประยุทธ์” ผบ.ทบ. คนที่ 37 ดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค. 2553 – 30 ก.ย. 2557
“พี่น้อง 3 ป.” สั่งสมบารมีในฐานะผู้นำกองทัพบก 2 ทศวรรษเต็ม จัดวางตัวนายทหารคนสนิท ให้เติบโตในหน่วยคุมกำลัง และ เป็นกำลังสำคัญสนับสนุน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. คนที่ 35 ทำการรัฐประหารปี 2549 โค้นล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
ทว่าการยึดอำนาจครั้งนั้น พล.อ.สนธิ ถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณไม่หมดสิ้น ทำให้ 8 ปีต่อมา “พี่น้อง 3 ป.” ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทายาทตระกูลชินวัตรคนที่สอง
“พี่น้อง 3 ป.” ถอดบทเรียนความผิดพลาดการยึดอำนาจปี 2549 นำมาวางยุทธศาสตร์รัฐประหารปี 2557 ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 วางกฎกติกาประเทศใหม่ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และรวบอำนาจ 3 ส่วนเพื่อคุมกระดานการเมืองทั้งระบบ ลากยาวตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน
1.พล.อ.ประยุทธ์ ถูกวางตัว ให้คุมรัฐบาล-คุมทหาร-คุมตำรวจ กำหนดนโยบายฝ่ายบริหารขับเคลื่อนประเทศภาพรวม
2.พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ถูกวางตัวให้คุมพรรคแกนนำรัฐบาล ทำหน้าที่เฝ้าระวังหลัง สร้างความได้เปรียบฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านการยกมือโหวตในสภาผู้แทนราษฎร
3.พล.อ.อนุพงษ์ คุมกระทรวงมหาดไทย สร้างฐานมวลชนทั่วประเทศ ลงลึกเข้าไปในระดับท้องถิ่น เตรียมพร้อมต่อวีซ่าสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
เส้นทางการเมืองนับจากนี้จะเป็นบทพิสูจน์ความสัมพันธ์ พี่น้อง 3 ป. ที่ลึกล้ำยาวนาน 50 ปี ถึงขั้นพี่ใหญ่ -พล.อ.ประวิตร ประกาศ “จำเอาไว้ ให้ตายจากกัน 3 ป. ถึงเลิกรักกัน”!!