รอยร้าวรัฐบาลเศรษฐา 1/2 เพื่อไทยชักธงเปิดศึกพรรคร่วม
การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี หรือ “รัฐบาลเศรษฐา 1/2” ยังวุ่นไม่จบ
การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี หรือ “รัฐบาลเศรษฐา 1/2” ยังวุ่นไม่จบ
ในที่สุด “รัฐบาลเศรษฐา” ก็เกิดปรากฏการณ์น้ำลดต่อผุดขึ้นมาทันที ส่อแววเป็นสนิมเนื้อในฉุดรัฐบาลสะดุดเดินไปไม่สุดทางอยู่ไม่ครบ 4 ปี หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีการปรับครม.เศรษฐา1/1 ไม่ทันข้ามวันต้องหา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่แบบด่วนๆ
การเมืองสัปดาห์นี้ก็ยังเหมือนอยู่ในดงฝุ่น ที่ยังตลบกับการเขย่าโผปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลเศรษฐา 1/1 ที่ล่าสุด “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จับมือ “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เข้าพบ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์สองล่า กินข้าวเที่ยงที่โรงแรมโรสวูดถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นโรงแรมของลูกสาว “เอม-อิ๊งค์” พินทองทา- แพทองธาร ชินวัตร
ชุ่มฉ่ำทั่วไทยกับ“Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” ซอฟต์พาวเวอร์ไทยแลนด์ เงินสะพัด 128834.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปี 2566 ถือเป็นตัวจุดพลุธุรกิจงานอีเวนท์เพราะมีอินฟูลเอนเซอร์ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หลั่งไหลกันเข้ามาร่วมสาดน้ำกันอย่างเนืองแน่
เย็นฉ่ำๆกับมหาสงกรานต์ที่รัฐบาลได้จัดขึ้น “ม่วน หนุก สุข คัก” สวนกระแสอุณหภูมิร้อนแบบพุ่งๆ
การเมืองช่วงนี้ร้อนตามสภาพอากาศกับการเปิด“ศึกซักฟอก”อภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 ซึ่งก็ผ่านไปแล้วเมื่อวันที่ 3-4 เม.ย.2567 โดยฝ่ายค้านตั้งป้อมกระซวกแหลก การทำงานของ “รัฐบาลเศรษฐา” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง
ผ่านไปแล้วกับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงินงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท มีการปรับลดกว่า 9 พันล้านบาท ตามที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบในวาระ 3 ไป เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาและเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งก็ได้เห็นชอบผ่านฉลุย
“ออร่าจับ “อุ๊งอิ๊ง” แบบพุ่งๆ จนกลุ่มจ้องแซะมโนกันไปว่า การเมืองไทยกับการเมืองกัมพูชา จะเป็นโมเดลเดียวกัน คือ มีพ่อดันลูกเป็นนายกรัฐมนตรี”
การเมืองตอนนี้อุณหภูมิพุ่งปรี๊ดแข่งกับสภาพอากาศร้อนของเมืองไทยกับการเปิดฉากของศูนย์กลางอำนาจ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถือฤกษ์ดีมีชัยไปไหว้ศาลหลักเมือง กทม.
“นายกฯเศรษฐา” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ยังคงเดินสายทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนกวักมือเรียกนักลงทุนให้เข้ามาลงทุน หวังโกยเงินเข้าประเทศ สร้างรายได้ให้กับประชาชน คราวนี้ไปต่างประเทศ 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-14 มี.ค. ร่วมประชุมอาเซียน ที่ประเทศออสเตรเลีย 3 วัน จากนั้นบินข้ามทวีปไปฝรั่งเศสและเยอรมนี วางคิวงานแบบแน่นๆ
ฉายแววออร่าจัด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังได้รับการพักโทษกลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นับวันยิ่งส่องแสงเจิดจ้า ยังคงเฉิดฉายไม่มีแผ่ว หลังเจอซุปเปอร์วีไอพี
นาทีนี้สปอร์ตไลท์การเมืองส่องไปที่บ้านจันส่องหล้า เพราะได้กลายเป็นศูนย์รวมอำนาจใหม่ทันทีเมื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ได้รับการพักโทษออกจากโรงพยาบาลตำรวจ หลังเข้ารักษาตัวระหว่างคุมขังครบ 180 วัน กลับมาพักที่บ้านจันทร์สองหล้า โดยมี “อุ๊งอิ๊ง”น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ “เอม”น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวทั้งสองคน เดินทางไปรับตัวกลับมาพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันที่ 18 ก.พ.
ไฮไลท์การเมืองร้อนจับตาการพักโทษของ“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ออกมาคอนเฟิร์ม แล้วว่า “ทักษิณ” เป็น1คนที่มีชื่อในลิสต์ 930 นักโทษที่อยู่ในกลุ่มรับเกณฑ์พักโทษ เป็นไปตามกฎหมายราชทัณฑ์มาตรา 52 เรื่องการพิจารณาบุคคลที่จะได้รับการพักโทษ และตามรายงานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาเห็นชอบตามที่เสนอ
“ถ้าทำให้คนผิดหวังคะแนนเสียงก็หล่นวูบทันทีถือเป็นทางสองแพร่งที่รัฐบาลต้องเลือกว่าจะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ โดยยอมเสี่ยงกับวิบากกรรมที่จะตามมาภายหลังเหมือนโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่”
การเมืองช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นไปอีกระดับ หลังศาลรัฐธรรมนูญฟันเปรี้ยงด้วยมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ชี้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น และพรรคก้าวไกล กระทำการเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์หรือล้มล้างการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข