นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO เปิดเผยว่า วารสาร “การเงินธนาคาร” จะจัดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 22 MONEY EXPO 2022 BANGKOK ในวันที่ 12-15 พฤษภาคม 2565 ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “Wealth to Wellness ความสมดุลแห่งชีวิต” โดยมีธนาคาร บริษัทการเงิน (นอนแบงก์) บริษัทประกัน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บริษัทโบรกเกอร์ทองคำ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นำบริการทางการเงินและการลงทุนที่ครบวงจร พร้อมด้วยแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษในรอบปี มานำเสนอให้กับประชานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

แนวคิดการจัดงานในปีนี้สอดคล้องกับรูปแบบและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไม่เหมือนเดิม ทั้ง “เทรนด์การลงทุน” และ “เทรนด์การใช้ชีวิต” โดยเฉพาะการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นักลงทุนต้องการรูปแบบการลงทุนในมิติใหม่ที่แตกต่างไปจากปัจจุบัน ภายในงานจึงได้รวบรวมบริการสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์การลงทุนรูปแบบใหม่ โดยมีผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนในคริปโตฯ รองรับนักลงทุน ทั้งการเทรดปกติผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และบริการเปิดพอร์ตการลงทุนในคริปโตฯ ที่ช่วยให้นักเทรดหน้าใหม่สามารถเข้าสู่โลกคริปโตฯ ได้ง่ายๆ ผ่านแผนการลงทุนที่ถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

นอกจากนี้ ยังสามารถรับคำปรึกษาและวางแผนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด พร้อมเกาะติดทุกเทรนด์สำคัญไม่ว่าจะเป็น Web 3.0, NFT, Metaverse, GameFi, DeFi ด้วยสัมมนาเข้มข้นจากกูรูตัวจริง ที่จะมาแชร์มุมมองตลาดคริปโตฯ ในครึ่งหลังของปี 2565 ตลอดจนการแนะนำการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลให้ปลอดภัยห่างไกลจากภัยไซเบอร์

“แม้ปัจจุบันความร้อนแรงในตลาดคริปโตฯ จะลดอุณหภูมิลงบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “คริปโตเคอร์เรนซี” ยังเป็นการลงทุนที่คนไทยติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในเดือนพฤษภาคมนี้จะเกิดปัจจัยสำคัญที่นักเทรดต้องจับตาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ถือเป็นจังหวะสำคัญที่นักเทรดจะสามารถคาดการณ์แนวโน้มตลาดในครึ่งหลังของปี 2565 ได้ว่าตลาดคริปโตฯ จะมุ่งไปในทิศทางใด ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถมาหาข้อมูลพร้อมรับคำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนได้ภายในงาน”

สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้น คนไทยสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) อย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปี 2564 มีบัญชีหุ้น 5.2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นถึง 49% และมีจำนวนผู้ลงทุน 3 ล้านราย เพิ่มขึ้นถึง 31% เท่ากับว่า ในปี 2564 มีจำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2.8 เท่าของการเพิ่มขึ้นในปี 2563 หรือมากกว่าจำนวนนักลงทุนทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีก่อนหน้า (ปี 2559-2563)

เช่นเดียวกับการลงทุนในกองทุนรวมที่มีมืออาชีพบริหารเงินให้ ก็ได้รับความนิยมจากนักลงทุนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากจำนวนผู้ลงทุนในกองทุนรวมที่มีมากกว่า 8 ล้านบัญชี โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวม (AUM) ทั้งอุตสาหกรรม 5.2 ล้านล้านบาท ณ ไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งในรอบ 10 ปีมานี้เติบโตขึ้นเท่าตัว จาก 2.6 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2555

ภายในงาน Money Expo 2022 Bangkok นักลงทุนก็จะได้เลือกใช้บริการลงทุนทั้งในหุ้นและกองทุนรวม จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เช่น การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นที่นอกจากลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) แล้ว ยังมีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น DW (Derivative Warrants) ซึ่งเป็นตราสารทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง โดยมีผลตอบแทนเชื่อมโยงกับสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งหุ้นและดัชนี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับบริการทางการเงิน ปีนี้ธนาคารและสถาบันการเงินได้เตรียมบริการมาอย่างครบถ้วน ทั้งบริการสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อย เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล สินเชื่อรถยนต์/มอเตอร์ไซค์ สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน สินเชื่อบัตรเครดิตและบัตรเงินสด รวมไปถึงลูกค้าเงินฝาก หรือลูกค้าที่ต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล สลากออมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เป็นช่วงเข้าสู่โค้งสุดท้ายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ให้สามารถกู้ได้เต็มหลักประกันจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ธนาคารจึงได้เตรียมแพ็กเกจสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษมานำเสนอในงาน เช่น สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน พร้อมเงื่อนไขพิเศษต่างๆ เช่น ฟรี ค่าธรรมเนียมการโอน/จดจำนอง/ประเมินราคา เป็นต้น

ด้านบริการประกันภายในงาน ปีนี้บริษัทประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ต่างยกขบวนผลิตภัณฑ์ประกันมาให้บริการอย่างหลากหลาย ทั้งแบบประกันสะสมทรัพย์ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการออมเงินรับผลตอบแทนสูง แบบประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย วงเงินคุ้มครองสูงถึง 100 ล้านบาท แบบประกันโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง แบบเจอ จ่าย จบ โดยจ่ายเบี้ยหลักพัน แต่รับความคุ้มครองหลักล้านบาท เพื่อลดความกังวลจากค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มปรับสุงขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปี