เมื่อวันที่ 28 เม.ย. นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดบางพลัด และชุมชนบวรมงคล ว่าปัญหาของชุมชนหลักๆ ยังคงเป็นเรื่องของการค้าขาย เศรษฐกิจซบเซา ซึ่งตรงนี้ต้องคิดว่าจะต้องเร่งรีบแก้ไข โดยเฉพาะ หลังการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ค.นี้ จะต้องมีกิจกรรมมากระตุ้น ให้มีการซื้อขาย เพื่อช่วยด้านเศรษฐกิจของคน กทม. เพราะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องที่สำคัญของทุกคน

สำหรับการหาเสียงในช่วงที่กำลังใกล้ถึงวันเลือกตั้ง นายสกลธีกล่าวว่าตนยังคงลงพื้นที่ทุกวัน ขณะเดียวกันยังใช้สื่ออื่นๆในการประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนทราบ รวมถึงการสื่อสารใน Social Media ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือ tiktok พี่จะเริ่มมีออกมาเรื่อยๆ โดยที่ผ่านมาก็พบว่ากระแสตอบรับดีขึ้น มีประชาชนที่เคยติดตามผลงานตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ ให้กำลังใจ ส่วนเรื่องโพล ตนยังคงเชื่อมั่นในการลงพื้นที่และรับฟังเอาไว้เป็นข้อมูลเพื่อ แก้ไขจุดบกพร่องเท่านั้น

อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากระแสการเมืองระดับชาติ มีผลต่อการเมืองระดับท้องถิ่นอย่างแน่นอน ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวล ยังคงเดินหน้าหาเสียงอย่างต่อเนื่องต่อไป ขณะที่เรื่องของอดีตก็ไม่เคยรู้สึกกังวล เคยพูดในหลายโอกาสแล้วว่าไม่เคยปิดบังอดีตของตัวเอง รู้สึกภูมิใจในอุดมการณ์และสิ่งที่ทำเสมอ ล่าสุดมีการนำอดีตของตนมาขยายผล ซึ่งอาจมีความมุ่งหวังให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกลียดชัง ตอนนี้ก็ได้ดำเนินคดีไปแล้ว แต่สำหรับการแซวหรือแซะในโซเชียล ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะสามารถรับได้อยู่แล้ว

นายสกลธี กล่าวต่อว่า คิดว่าไม่ว่าการเมืองระดับไหน สถานการณ์การเมืองของระดับชาติ ย่อมมีผลทั้งสิ้น แต่อยากสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า ในการทำงานการเมืองท้องถิ่นเป็นการที่จะคัดเลือกตัวแทนเข้าไปทำงานอย่างแท้จริง จึงอยากให้ดูที่การทำงาน ผลงาน และนโยบายของผู้สมัคร มากกว่าการใช้อารมณ์ในการเลือกตั้ง เพราะถ้าเลือกมาด้วยอารมณ์ทางการเมือง อาจจะได้ความสะใจ แต่ 4 ปี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจะแก้ไขอะไรไม่ได้

“เรื่องกระแสการเมืองของภาพใหญ่ ผมคิดว่าอาจจะมีผลกระทบต่อคนเลือก ส่วนตัวของผมคิดว่าไม่กระทบ เพราะผมมีความตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ของทุกคน มีความตั้งใจจะทำเมืองหลวงให้ดีขึ้นกว่านี้ ตามสโลแกนของผมที่นำเสนอมาตลอด”​ นายสกลธีกล่าว