แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นประธานได้ประชุมวันนี้ (27 เม.ย.) พิจารณาแนวทางการปรับขึ้นดีเซล หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรในวันที่ 30 เม.ย.นี้ เห็นชอบให้วันที่ 1 พ.ค. เป็นเพดานใหม่จะไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร ยึดหลักตามมติ ครม. ส่วนเกิน 30 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนครึ่งหนึ่ง และประชาชนรับราคาขึ้นตามจริงครึ่งหนึ่ง แต่เพื่อลดผลกระทบจึงเห็นชอบให้ขยับเป็นขั้นบันไดเป็น 32 บาทต่อลิตรก่อน   

“จากภาวะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและราคาดีเซลโลกสูงถึง 145 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลต้นทุนดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ราว 40 บาทต่อลิตรหากราคาปรับขึ้นทันที 1 พ.ค. ราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร ดังนั้น กบน.จึงเห็นชอบขยับขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตร 1 พ.ค. และจะติดตามสถานการณ์​ทุก 7 วัน หากจำเป็นต้องขยับขึ้นก็จะทยอยปรับเช่นไม่เกินครั้งละ 1 บาท แต่จะไม่เกิน 35 บาท โดยกระทรวงพลังงานหวังว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะไม่รุนแรงไปกว่านี้ จนทำให้ดีเซลโลกขยับขึันไปอีก” แหล่งข่าวกล่าว  

สำหรับดีเซลพรีเมียมตั้งแต่ 1 พ.ค. กองทุนน้ำมันจะไม่อุดหนุนราคาแล้วแต่เอกชนแข่งขันกำหนดกันเอง ล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนกลุ่มดีเซลที่ 9.55 บาทต่อลิตร นอกจากนี้น้ำมันอี E 85 กองทุนฯจะลดการชดเชยลงสัปดาห์ละ 1 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จากในปัจจุบันที่อุดหนุนอยู่ที่ 4.53 บาท ขณะเดียวกันในส่วนของการปรับขึ้นของราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ยังคงเป็นไปตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ในการปรับขึ้นครั้งละ 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หรือ 15 บาทต่อถัง 15 กก. เป็นเวลา 3 เดือนเริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. ดังนั้น 1 พ.ค.นี้ ก็จะปรับขึ้นอีก 1 บาทต่อ กก.  

“กองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดมีฐานะติดลบแล้วกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท จึงจำเป็นต้องลดภาระการอุดหนุนดังกล่าวลงโดยราคาพลังงานที่ปรับขึ้นก็ยังคงไม่ได้สะท้อนตามกลไกตลาดทั้งหมดทั้งน้ำมัน และ LPG กองทุนน้ำมันฯ ยังคงอุดหนุนอยู่โดยเฉพาะ LPG อุดหนุนอยู่ขณะนี้ 17.52 บาทต่อ กก. ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนเข้าใจและใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าเนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบมากลั่น” แหล่งข่าวกล่าว