เมื่อวันที่ 26 เม.ย. บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น บริษัทประจำปี 2565 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้ทราบถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา การจ่ายเงินปันผล ตลอดจนทิศทางการดำเนินธุรกิจ

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ ซีเค พาวเวอร์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.080 บาท จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 650.4 ล้านบาท โดยจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 128.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.035 บาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฏชื่อ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และบริษัทจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2564 ดังกล่าว ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565

การจ่ายปันผลในครั้งนี้ ถือเป็นการจ่ายปันผลในจำนวนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ CKPower สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปี 2564 โดยมีรายได้รวม 9,334.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 2,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 438% คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.268 บาท มีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ 871.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 40% คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.107 บาท ขณะที่บริษัทมีสินทรัพย์รวม 68,977 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 32,847 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 36,130 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 0.65 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก ขณะที่อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 9.0%

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “CKP” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอยู่ในดัชนี SET 100 ตลอดจนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงอยู่ในดัชนี SETCLMV ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียนของไทย ที่มีการทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่อันดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2565 CKPower ได้ตั้งงบลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการอื่น ๆ ซึ่งกำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดที่บริษัทลงทุนจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทที่ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 และเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 95% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัท