กรณีการเสียชีวิตของของนักแสดงสาวมากความสามารถ แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ตั้งแต่ค่ำคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังร่วมล่องเรือสปีดโบ๊ตกับกลุ่มเพื่อนอีก 5 คน ได้แก่ ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ และ จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร กระทั่งช่วงเวลา 22.30 น. เป็นต้นไป ในขณะที่เรือกำลังล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมุ่งหน้ากลับเข้าอู่จอดเรือ NBC boat club จ.นนทบุรี ปรากฏว่านักแสงสาวแตงโมได้ตกจากเรือสปีดโบ๊ต เป็นเหตุทำให้นักแสดงสาวจมน้ำเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สะพานพระราม 7 ช่วงท่าเรือพิบูลสงคราม 1 จ.นนทบุรี ซึ่งนับว่าเป็นเหตุสะเทือนใจสำหรับครอบครัว บุคคลใกล้ชิด เหล่าบรรดาแฟนคลับ และเขย่าความรู้สึกของคนในวงการบันเทิงที่เคยได้ร่วมงานกับนักแสดงสาวเป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ ช้ัน 2 อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เป็นประธานในการแถลงสรุปสำนวนการสอบสวน คดี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม) เสียชีวิต พร้อมด้วย พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุสิก ผบก.ศพฐ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี รวมทั้งนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของนักแสดงสาวแตงโม และนายเดชา กิตติวิทยานันนท์ หรือทนายเดชา ได้เข้าร่วมรับฟังการแถลงด้วย โดย พล.ต.ต.อุดร เปิดเผยว่า สำหรับวันนี้มีวาระทั้งหมด 3 ส่วน โดยวันนี้ยืนยันว่าไม่ใช่การแถลงปิดคดี แต่เป็นการแถลงสรุปสำนวนคดี
ด้าน พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า สำหรับช่วงเวลาการเสียชีวิตของนักแสดงสาวแตงโม-นิดา คือเวลา 22.34.10 น. ในวันที่ 24 ก.พ.65 จากนั้นในเวลา 23.42 น. พ.ต.ต.อุเทน หงษ์ทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีหญิงตกจากเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งเหตุ ก็พบว่ามีหลายหน่วยงานเข้าให้ความช่วยเหลือและค้นหา แต่ก็ไม่พบนักแสดงสาวแตงโมแต่อย่างใด จากนั้นในวันที่ 26 ก.พ.65 เวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงพบร่างของนักแสดงสาวแตงโม ซึ่งห่างจากท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ไม่กี่ร้อยเมตร จากนั้นแพทย์เวรจึงทำการชันสูตรพลิกศพและเตรียมสู่ขั้นตอนการดำเนินกฎหมาย
พล.ต.ต.ไพศาล เผยอีกว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับบุคคลบนเรือทั้ง 5 ราย และบุคคลให้คำปรึกษาแก่คนบนเรืออีก 1 ราย รวมผู้ต้องหา 6 ราย ประกอบด้วย 1.ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ ทั้งหมด 6 ข้อหา ได้แก่ ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ข้อหาเป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ข้อหาใช้เรือที่มีใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุ (เปรียบเทียบปรับแล้ว), ข้อหาทิ้งสิ่งของปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อันจะเป็นเหตุให้เกิดการตื้นเขิน ตกตะกอนหรือสกปรก, ข้อหาไม่ติดชื่อเรือเป็นอักษรไทยและอักษรฝรั่งที่หัวเรือ (เปรียบเทียบปรับแล้ว ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือฯ) และ ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
2.โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ทั้งหมด 4 ข้อหา ได้แก่ ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ข้อหาเป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ข้อหาใช้เรือที่มีใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุ (เปรียบเทียบปรับแล้ว) และข้อหาทิ้งสิ่งของปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อันจะเป็นเหตุให้เกิดการตื้นเขิน ตกตะกอนหรือสกปรก 3.แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ทั้งหมด 1 ข้อหา ได้แก่ ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4.จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร ทั้งหมด 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยาน หลักฐานในการกระทำผิด และข้อหาทิ้งสิ่งของปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อันจะเป็นเหตุให้เกิดการตื้นเขิน ตกตะกอนหรือสกปรก
5.กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ทั้งหมด 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยาน หลักฐานในการกระทำผิด และข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และ 6.นายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี ทั้งหมด 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยาน หลักฐานในการกระทำผิด และข้อหาเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
สำหรับพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ (ของกลาง คลิป DNA ฯลฯ) ที่เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ ผู้กล่าวหา 4 ปาก ผู้ต้องหา 6 ปาก พยานบุคคล รวม 124 ปาก เป็นพยานผู้ที่ติดต่อผู้ที่อยู่บนเรือจำนวน 26 ปาก พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จำนวน 62 ปาก พยานผู้เชี่ยวชาญจำนวน 16 ปาก พยานเจ้าหน้าที่จำนวน 20 ปาก ส่วนทางด้านเอกสาร พยานวัตถุ รวมทั้งสิ้น 335 รายการ ประกอบด้วย พยานเอกสาร (ผลการตรวจต่างๆ) จำนวน 47 ฉบับ พยานวัตถุ จำนวน 88 ชิ้น คลิปวิดีโอ จำนวน 200 คลิป และ เอกสาร 2,249 แผ่น
พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 เปิดเผยว่า ทีมงานฝ่ายสืบสวนที่มีหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อนำส่งคณะพนักงานสอบสวน ทางทีมสืบสวนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างเพื่อนำมาชั่งน้ำหนัก ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม กล้อง CCTV ความเร็วเรือ จีพีเอสของเรือ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ ทางทีมสืบสวนจึงได้จัดทำคลิปวิดีโอเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งมีความยาว 25 นาที แบ่งเป็น 4 ส่วน 1.พฤติกรรมในการเกิดเหตุ 2.ไทม์ไลน์เหตุที่เกิดขึ้น (ก่อน-ระหว่าง-หลัง) 3.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ 4.ลักษณะสภาพบาดแผลที่เกิดขึ้น จากนั้นได้มีการเปิดวิดีโอดังกล่าวให้สื่อมวลชนได้รับชม
โดยบางส่วนของคลิปวิดีโอได้มีการนำเสนอประเด็นการชันสูตรศพของแตงโม โดยเฉพาะบาดแผลตามร่างกาย ซึ่งจากการชันสูตรพบว่า กระดูกปกติทั้งร่างกาย ฟันไม่หัก ผิวหนังใต้ศีรษะไม่พบบาดแผล ไม่พบสารเสพติดหรือยามอมเมาใดๆ พบโคลนในหลอดลม ส่วนบาดแผลพบ 26 บาดแผล แบ่งเป็น 10 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 แผลที่ขาด้านใน กลุ่มที่ 2 บาดแผลค่อนข้างเรียบที่ข้อผับเข่าขวาเป็นผล 3 จุด กลุ่มที่ 3 เป็นแผลที่น่องขวาแนวขวาง กลุ่มที่ 4 แผลแนวยาวขาซ้ายด้านใน กลุ่มที่ 5 แผลที่ข้อพับเข่าซ้ายเป็นแนวยาว กลุ่มที่ 6 แผลแนวยาวข้อพับเข่าซ้ายถึงน่องซ้ายด้านใน กลุ่มที่ 7 แผลถลอกที่เข่าซ้ายด้านใน กลุ่มที่ 8 แผลฟกช้ำที่ขาซ้ายด้านหน้า กลุ่มที่ 9 แผลฟกช้ำบริเวณเข่าซ้าย และกลุ่มที่ 10 แผลฟกช้ำบริเวณหน้าแข้งซ้าย
โดยแผลทั้ง 10 กลุ่ม ได้เก็บเนื้อเยื่อไปตรวจ พบเป็นแผลที่เกิดก่อนการเสียชีวิตทั้งหมด พร้อมวิเคราะห์ทุกบาดแผลโดยเฉพาะแผลที่ใหญ่สุด เป็นบาดแผลฉีกขาด ขอบค่อนข้างเรียบบริเวณต้นขาขวาด้านใน ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อสามส่วนนี้เสียหาย มีบางส่วนถึงกับฉีกขาด ซึ่งกล้ามเนื้อกลุ่มนี้จะใช้ในการงอขา โดยบาดแผลมีความกว้าง 7 ซม.และยาว 26 ซม. ส่วนความลึกของแผล ลึก 1.5 ซม. และบริเวณกลางแผลลึก 4.5 ซม. เมื่อเทียบกับขนาดใบพัดเรือ พบว่าเข้ากับขนาดใบพัดเรือ เมื่อจำลองพบแนวเว้าโค้งเข้ากัน จึงเชื่อว่าแผลนี้โดนใบพัดเรือ ส่วนบาดแผลจุดอื่นที่ขาสอดคล้องกับการปั่นของใบพัดเรือทุกประการ จึงเชื่อว่าแตงโมตกน้ำและโดนใบพัดเรือปั่น ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต แพทย์ที่ชันสูตรสรุปว่า แตงโมขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ
ภายหลังจากการเปิดคลิปวิดีโอความยาว 25 นาที ของทีมสืบสวนจบลง เจ้าหน้าที่จึงเปิดช่วงให้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามคำถาม ประเด็นข้อสงสัยต่างๆ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับประเด็นการแถลงในวันนี้คาดหวังอย่างไรนั้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยว่า การแถลงในวันนี้ ก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้ข้อสงสัยกว่า 2 เดือนเต็ม สามารถตอบคำถามนี้ได้ ซึ่งทางคณะพนักงานสอบสวนมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมมา จึงได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ตามที่ได้แจ้งไว้ ขอเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหาหลักคือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานครบถ้วน จึงสามารถสั่งฟ้องในข้อหาประมาทได้
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เผยต่อว่า เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าช่วงเวลา 22.34.10 น. ของวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา คือช่วงเวลาที่นักแสดงสาวแตงโมตกจากเรือสปีดโบ๊ต เนื่องจากในเวลา 22.32 น. ยังมีผู้โดยสารบนเรือ 6 คน ส่วนพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทฯ นั้น ตำรวจไม่สามารถชี้แจ้งรายละเอียดของพฤติกรรมให้ทราบได้เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการสอบปากคำเเละบันทึกพฤติกรรมเหล่านั้นไว้ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องของการปัสสาวะท้ายเรือ ยืนยันว่าไม่มีใครเห็นว่าแตงโมปัสสาวะท้ายเรือ มีเพียงแซนที่เห็นและบอกได้คนเดียว จากการรวบรวมพยานหลักฐาน เน้นที่ใครทำประมาท มากกว่าประเด็นการปัสสาวะท้ายเรือ จะฉี่หรือไปอยู่ตรงนั้นแล้วตก ตำรวจมีหลักฐานพยานอยู่แล้ว ส่วนคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตรวจพบสารยูเรียบริเวณท้ายเรือหรือไม่นั้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณท้ายเรือจุดดังกล่าว จะโดนน้ำตลอดเวลา จึงไม่พบ เพราะสารดังกล่าวมันละลายไปกับน้ำ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับประเด็นที่มีคนระบุว่าแตงโมอาจตกจากหัวเรือจนเสียชีวิตนั้น จากการที่เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดมา กรณีการตกหัวเรือหรือท้ายเรือ ประเด็นจะอยู่ที่ว่าเมื่อแตงโมตกเรือไปแล้วบาดแผลที่เกิดขึ้น ทางการสอบสวนเชื่อว่าลักษณะบาดแผลเข้าได้กับลักษณะของใบพัดเรือ และตามเรือนร่างของแตงโมก็ไม่ปรากฏการถูกทำร้ายร่างกาย มีเพียงร่องรอยบาดแผลที่เหมือนกับใบพัดเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สรุปแล้วแตงโมได้มีการปัสสาวะที่ท้ายเรือหรือไม่ พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ในเรื่องของการปัสสาวะท้ายเรือนั้น คำให้การทั้งหมดของผู้ต้องหา ต้องไปดูว่าสอดคล้องกันหรือไม่ ก็ได้มีการพิสูจน์เรื่องการปัสสาวะ ซึ่งมีการเก็บผลทางวิทยาศาสตร์แล้ว ซึ่งจะอยู่ในสำนวนนำส่งอัยการต่อไป
สำหรับประเด็นที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอคล้ายมีการทำร้ายร่างกายบนเรือนั้น พล.ต.ต.วสันต์ ผบก.สส.ภ.1 เปิดเผยว่าทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนได้มีการตรวจสอบทุกคลิปทุกพยานหลักฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เช่น เรื่องคลิปที่ปรากฏว่ามีการทำร้ายร่างกายกันบนเรือตามที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่นักแสดงสาวแตงโมตกจากเรือสปีดโบ๊ตไปแล้ว โดยได้มีการนำคลิปวิดีโอมาเปรียบเทียบกัน และตรวจสอบ จึงได้ข้อสรุปว่าไม่ใช่การทำร้ายร่างกายกันบนเรือแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุสิก ผบก.ศพฐ.1 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เรื่องการตรวจดีเอ็นเอต่างๆ บนเรือลำเกิดเหตุนั้นพบรอยนิ้วมือแฝงครบทั้ง 6 คน รวมถึงมีการพบเส้นผม ขณะนี้อยู่ในรายละเอียดของสำนวนหมดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าอัยการตีกลับไม่รับสำนวน ทำอย่างไร พล.ต.ต.ธวัชชัย เผยว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น ก็จะต้องมีการนำส่งให้พนักงานอัยการ และพนักงานอัยการก็จะมีหน้าที่รับสำนวนและรับตัวผู้ต้องหาไปตามกระบวนกฎหมาย จะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องก็แล้วแต่ดุลพินิจ
กรณีมูลเหตุเรื่องการทำร้ายร่างกาย พล.ต.ต.วสันต์ เผยว่า ได้มีการตรวจสอบมูลเหตุต่างๆ รวมทั้งการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ พฐ. ก็ไม่พบรอยคราบเลือดแต่อย่างใด ส่วน พล.ต.ต.หญิง ชุติมา กล่าวยืนยันเพิ่มเติมหากมีคราบเลือดบนเรือและถูกล้างก็สามารถตรวจพบได้ อย่างเช่น กรณีคดีฆ่าหั่นศพที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวน พบว่าไม่มีการต่อสู้กันบนเรือ เพราะถ้าหากเป็นคดีฆาตกรรม ก็ต้องมีฆาตกร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดคนบนเรือจึงต้องมีการปิดบังความจริงตั้งแต่แรกและไม่เดินทางเข้าพบตำรวจทันทีนั้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เผยว่า เป็นเพราะคนบนเรือนั้นเมาหมด และทุกคนก็มีการโทรฯ ปรึกษาผู้รู้ทั้งหลาย หลังจาก 15 นาทีที่แตงโมตกเรือ พบว่ามีคนแนะนำเรื่องการเมา เพราะถ้าไปพบตำรวจ ทั้งหมดก็จะโดนข้อหา ผู้แนะนำรายนั้นจึงยังไม่ให้คนบนเรือเดินทางเข้าพบตำรวจ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนบนเรือเข้าพบตำรวจช้า แต่ภายหลังพนักงานสืบสวนได้แคะไปเรื่อยๆ จึงทำให้ทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว.