เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ โกลว์ฟิช สาทร น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนรุ่นใหม่ กลุ่มสตาร์ทอัพด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ผลักดันสร้างกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพและดิจิทัลเทคโนโลยี สร้าง Ecosystem เพื่อให้คนไทยและคนทั่วโลกมาทำงานและอาศัยในกรุงเทพฯ เตรียมศูนย์บ่มเพาะ (Incubation center) และกองทุนสตาร์ทอัพ

น.ต.ศิธา กล่าวว่า กรุงเทพฯ ภายใต้การบริหารของตนนั้น จะสนับสนุนคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะการสร้างสตาร์ทอัพและเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น โดยพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายสนับสนุนคนเหล่านี้ให้เข้าถึงแหล่งทุน กลไกต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงการปลดปล่อยประชาชนให้สามารถทำมาหากินได้ ด้วยการปลดล็อกและพักใบอนุญาต แขวนการบังคับใช้ไว้ชั่วคราว 3-5 ปี โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นอำนาจของ กทม. จะทำทันที ใช้พื้นที่ กทม. เป็นพื้นที่นำร่อง สร้าง “Bangkok legal sandbox” เพื่อให้คนกรุงเทพฯ สามารถกลับมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจไม่ต้องไปกังวลว่าจะต้องขอใบอนุญาตอย่างไร ขอใบอนุญาตได้ครบหรือไม่ จนอาจเป็นช่องทางให้เกิดการรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ได้ เช่น ในกลุ่มของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก กลุ่มคราฟต์เบียร์ และในส่วนที่อยู่นอกเหนืออำนาจของ กทม. พรรค ทสท. จะประสานงานในสภาและระดับรัฐบาลต่อไป

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรค ทสท. ให้ความสำคัญกับประชาชน “คนตัวเล็ก” ได้เข้าถึงแหล่งทุนอย่างในภาค SMEs กว่า 3 ล้านราย ซึ่งจ้างงานกว่า 13 ล้านคน สร้าง GDPถึง 35% แต่เข้าถึงแหล่งทุนในระบบธนาคารเพียง 10% เท่านั้นพรรคไทยสร้างไทยจึงได้สร้าง “กองทุนSMEs” เพื่อให้ SMEs อีก 90% เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งกองทุนสตาร์ทอัพเพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสตั้งตัว กองทุนธุรกิจท่องเที่ยว ที่มีคนเกี่ยวข้องหลายสิบล้านคน อีกทั้งธุรกิจท่องเที่ยวยังสร้างรายได้ 15% ของ GDP กองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อโอกาสของเกษตรกรและลูกหลานเกษตรกรได้มีทุนทำธุรกิจบนพื้นที่และภูมิปัญญาของตัวเอง ทั้งการแปรรูปสินค้าการต่อยอดสินค้าชุมชน และที่สำคัญคือ “กองทุนคนตัวเล็ก” ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยให้พี่น้องสามารถตั้งตัวได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน.