สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่า การวิจัยใหม่เผยให้เห็นว่า ผลจากการใช้อาวุธปืน แซงหน้าอุบัติเหตุทางรถยนต์ และกลายเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของเด็กและวัยรุ่นสหรัฐในปี 2563

ข้อมูลจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) ระบุว่า เยาวชนอเมริกันมากกว่า 4,300 คน เสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับปืน ในปี 2563

ขณะที่การฆ่าตัวตายมีส่วนในการเสียชีวิต ข้อมูลเผยถึงการฆาตกรรมที่เป็นสาเหตุส่วนมากของการเสียชีวิตจากปืน

ปัจจุบัน พลเมืองสหรัฐครอบครองปืนรวมกันมากกว่า 390 ล้านกระบอก

ผลการวิจัยซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ ในวารสารการแพทย์ นิว อิงแลนด์ (เอ็นอีเจเอ็ม) การเสียชีวิตจากปืนในชาวอเมริกัน ที่มีอายุระหว่าง 1 ถึง 19 ปี ที่เพิ่มขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้น มากถึง 33.4%

นอกจากนี้ การศึกษายังระบุว่า การฆาตรกรรมส่งผลกระทบต่อเยาวชนอเมริกันมากเกินไป

ในช่วงเวลาเดียวกัน อัตราการฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1%

อัตราโดยรวมของการเสียชีวิตจากปืนในทุกสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย การฆาตกรรม ทั้งโดยไม่ได้เจตนา และไม่ทราบสาเหตุ ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น เพื่มขึ้น 29.5% ซึ่งมากกว่ากลุ่มประชากรที่กว้างขึ้น 2 เท่า “เรายังคงล้มเหลวในการคุ้มครองเยาวชนจากสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้” รายงานวิจัยระบุในวารสารซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

อัตราการเสียชีวิตจากปืนต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มขึ้นทั้งชายและหญิง และประชากรชาติพันธุ์ ระหว่างปี 2562 และ 2563 โดยคนอเมริกันผิวสีมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงที่สุด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับปืนอยู่ในอันดับที่ 2 รองมาจากเหตุรถชนที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของเยาวชนอเมริกัน อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2563 โดยมีคนอเมริกันที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี เสียชีวิตจากเหตุรถชนประมาณ 3,900 คน

อีกด้านหนึ่ง เหตุจากการใช้ยาเกินขนาดและยาเป็นพิษ เพิ่มขึ้น 83.6% ระหว่างปี 2562 และ 2563 ซึ่งในปัจจุบัน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ในกลุ่มเยาวชน นอกจากนี้ อีกหนึ่งการศึกษาที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ในปี 2563 เยาวชน 954 คน เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด เทียบกับในปี 2562 ที่มีเยาวชนเสียชีวิต 492 คน จากสาเหตุเดียวกัน

ความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนในสหรัฐเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เกิดการระบาดโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563

“สาเหตุของการเพิ่มขึ้นยังไม่ชัดเจน” รายงานวิจัยระบุ “มันไม่สามารถสันนิษฐานว่า การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน จะกลับไปอยู่ในระดับก่อนการระบาดในภายหลังได้”

การศึกษาอีกหนึ่งชิ้น ที่เผยแพร่ในพงศาวดารอายุรศาสตร์ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ใหญ่สหรัฐ 7.5 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่า 3% ของประชากร กลายเป็นเจ้าของปืนครั้งแรกในช่วงการระบาด ระหว่างเดือน ม.ค. และ เม.ย. 2564 ซึ่งผลที่ตามมาจากสิ่งนี้ ประชาชน 11 ล้านคน รวมถึงเด็ก 5 ล้านคน สามารถเข้าถึงอาวุธปืนประจำบ้านได้

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES