เมื่อวันที่ 22 เม.ย. น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ มีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชนในหลายเขต รวมถึงได้รับฟังปัญหาและความต้องการของพี่น้องมุสลิม ทั้งเขตหนองจอก สะพานสูง สวนหลวง ลาดกระบัง และเขตประเวศ ซึ่งได้รับการตอบรับจากพี่น้องมุสลิมเป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงถือศีลอด หรือเดือนรอมฎอน ขออวยพรให้พี่น้องทุกท่านได้ปฏิบัติศาสนกิจครบถ้วนตลอดเดือนศักสิทธิ์ เดือนแห่งความศรัทธา ตามที่ทุกท่านได้มุ่งหวังตั้งใจแน่วแน่

น.ต.ศิธา กล่าวว่า การลงพื้นที่พี่น้องมุสลิมได้สะท้อนหลายปัญหาที่จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพฯ ซึ่งหากตนมีโอกาสได้เข้าไปรับใช้พี่น้องชาว กทม.ยืนยันว่าจะขอคิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ และแก้ไขปัญหายากๆให้จบ เช่น ข้อเสนอของพี่น้องมุสลิม ที่สะท้อนว่าด้านการศึกษาพบว่า โรงเรียนในสังกัด กทม. ยังกีดกันนักเรียนมุสลิมที่จำเป็นต้องคลุมฮิญาบ สำหรับนักเรียนหญิง และการสวมกางเกงขายาวสำหรับนักเรียนชายในการเข้าเรียนในโรงเรียนได้ตามปกติ ทั้งที่ระเบียบการแต่งกายของนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้แต่งกายตามศาสนบัญญัติ สามารถคลุมฮิญาบได้ ดังนั้นหากตนได้เป็นผู้ว่าฯ ทม. จะทำหนังสือเวียนถึงโรงเรียนภายใต้สังกัดกทม. ให้เข้าใจและปฏิบัติตาม ระเบียบของกระทรวงฯอย่างเคร่งครัด

นอกจาากนี้อนาคตที่ประเทศไทยจะเปิดการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ จะมีนักท่องเที่ยว ทั้งจากกลุ่มประเทศอาหรับ กลุ่ม ประเทศอาเซียนมากขึ้น แต่พบว่า สถานที่ละหมาด ตามสถานท่องเที่ยว หน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน ยังไม่มีสถานที่ละหมาดสำหรับประชาชนมุสลิมอย่างทั่วถึง เรื่องนี้เป็นอีกกรณีที่ต้องพิจาณา จัดทำสถานที่ละหมาด ทั้งใน ห้าง หน่วยงานเอกชน หน่วยงานรัฐ สถานที่ท่องเที่ยว ให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

“สำคัญที่สุดพบว่า ปัจจุบัน โรงแรมต่างๆ ใน กทม.ยังไม่ค่อยมีการจัดอาหารฮาลาล ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ซึ่งทำให้ประเทศไทยที่กำลังเปิดรับนักท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มอาหรับ และกลุ่มอาเซียน ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ขาดรายได้ในส่วนนี้ไปจึงเห็นควรที่ กทม.ต้องประชาสัมพันธ์ กระตุ้นให้ โรงแรม ห้างสรรพสินค้าใน กทม. จัดทำอาหารฮาลาล ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ด้วย” น.ต.ศิธา กล่าว.