น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบแนวทางการพัฒนาระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (ดิจิทัล ไอดี) ด้วยการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล หรือ เอฟวีเอส ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ พร้อมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยเร่งพัฒนาระบบนี้ไปให้บริการกับหน่วยงานของรัฐและเอกชน โดยให้กระทรวงดิจิทัลฯ เป็นที่ปรึกษาแนะนำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบนี้ มีความมั่นคงปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ สอดคล้องตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ยังมอบหมายให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและจัดทำระบบเอฟวีเอส โดยครอบคลุมการพัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) การจัดหาอุปกรณ์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสำหรับการให้บริการและการทดสอบประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยของระบบ และพัฒนาเกณฑ์มาตรฐาน และข้อตกลงการให้บริการของระบบ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นสำหรับการบริหารงานและการให้บริการ และให้กระทรวงมหาดไทย หรือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ในส่วนของการพัฒนาระบบดิจิทัล ไอดี ให้ ครม.ทราบเป็นระยะ

สำหรับการพัฒนาและจัดให้มีระบบเอฟวีเอส เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการพัฒนาระบบ ดิจิทัล ไอดี ของประเทศ ในส่วนของการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสนับสนุนบริการภาครัฐ สำหรับประชาชนและธุรกิจในการเข้าถึงบริการภาครัฐในรูปแบบของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จโดยระบบดิจิทัล ไอดี ซึ่งรวมถึงระบบเอฟวีเอส จะสามารถนำมาทดแทนกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางกายภาพ โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางไปพิสูจน์ตัวตนยังที่ทำการ หรือสาขาของหน่วยงานที่ต้องการทำธุรกรรมทุกครั้งได้

ส่วนระบบเอฟวีเอสที่กระทรวงมหาดไทยจะพัฒนาขึ้น เป็นระบบที่จะใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ของผู้รับบริการระบบหนึ่ง โดยมีกลไกการทำงานที่ใช้เทคโนโลยีในการระบุตัวบุคคลด้วยการเปรียบเทียบภาพใบหน้าที่ผู้รับบริการถ่ายส่งเข้าระบบกับฐานข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ โดยใช้เอไอ ที่มีความแม่นยำตามเกณฑ์มาตรฐานสากล และแจ้งผลในรูปแบบร้อยละของความถูกต้องของภาพถ่ายกับฐานข้อมูลภาพใบหน้า