นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (เจทีซี) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 กับ รมว.อุตสาหกรรมและการค้า ของประเทศเวียดนามว่า ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนามจาก 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8.45 แสนล้านบาท ในปี 68 ขณะเดียวกัน ไทยได้เสนอขอให้เวียดนามสนับสนุนแรงงานเข้ามาในไทยเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีสาขาประมงกับก่อสร้าง ขอให้เพิ่มอีก 2 สาขา แม่บ้าน และผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นสาขาที่มีความจำเป็นและไทยยังต้องการจำนวนมาก

นอกจากนี้ ขอให้ทางการเวียดนามยกเลิกการระงับการนำเข้าสินค้า 3 ตัวจากไทย เนื้อไก่ เงาะ และมะม่วง หลังจากได้ระงับนำเข้าจากไทยมาตั้งแต่ปี 58 รวมถึงให้ผ่อนคลายการส่งออกยาของไทยไปเวียดนาม โดยขอให้เวียดนามช่วยปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อตกลงอาเซียน ยกเลิกเอกสาร มาตรการที่เกินข้อตกลง ซึ่งรัฐมนตรีเวียดนามรับไปพิจารณาต่อไป

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไทยยังขอให้เวียดนามช่วยเจรจากับรัฐบาลจีนในฐานะประเทศที่มีชายแดนติดกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งผลไม้ไทยผ่านด่านเวียดนามไปจีน เช่น ด่านโหย่วอี้กวานของจีน ที่อยู่ตรงข้ามกับด่านหวูหงิของเวียดนาม ด่านรถไฟผิงเสียงกับด่านรถไฟด่งดังของเวียดนาม ขอให้ขยายเป็น 24 ชั่วโมง ขณะที่ด่านตงซิงของจีนกับด่านหม่องก๋ายของเวียดนามซึ่งขณะนี้ปิดทำการขอให้ทางเวียดนามช่วยเจรจาอีกครั้งให้เปิดด่านอีกครั้ง ตลอดจนขอให้เวียดนามและจีนช่วยเพิ่มช่องทางกรีนเลน อำนวยความสะดวกส่งสินค้าไทย ที่ผ่านกระบวนการปลอดโควิดตามมาตรฐานเข้าจีนให้เร็วขึ้น

ส่วนที่ประเด็นที่เวียดนามได้นำมาหารือคือ เรื่องที่เวียดนามขาดดุลการค้ากับไทยมาก ซึ่งตนพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนงานต่างๆที่เวียดนามจะมาจัดในไทย รวมถึงขอให้ไทยเร่งออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 5 ชนิด คือ ส้มโอ น้อยหน่า เสาวรส ลูกน้ำนม และเงาะ ซึ่งไทยเสนอให้เวียดนามใช้ช่องทางเอ็มโอยูที่ทำกับกระทรวงเกษตรฯของไทยเป็นเวทีหารือต่อไป

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ ซึ่งจัดคู่ขนานการประชุมเจทีซีเวียดนาม โดยมีผู้นำเข้าชาวเวียดนามเข้าร่วม 12 ราย เจรจาการค้ากับผู้ส่งออกไทย 31 ราย รวม 47 คู่เจรจา โดยสินค้าที่ฝ่ายเวียดนามให้ความสนใจสูง ได้แก่ อาหารและผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม ของขบเคี้ยว ซอสปรุงรส เครื่องสำอาง สปา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แชมพู ของเล่นเด็ก และ น้ำมันเครื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีการสั่งซื้อสูงถึง 71 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้มากกว่าเท่าตัว

“ทางเวียดนามได้ให้ความชื่นชมในการใช้กิจกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นช่องทางการเพิ่มการซื้อขายระหว่างกัน และนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มเติม และพร้อมให้สนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าของไทยในเวียดนาม โดยในเดือนมิ.ย.นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะจัดงานแสดงสินค้า มินิ ไทยแลนด์ วีค 2022 ที่เวียดนาม 2 ครั้ง คาดสร้างมูลค่าการค้าไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท”