สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ว่า นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรมว.การต่างประเทศจีน และ นายเจเรเมียห์ มาเนเล รมว.การต่างประเทศของหมู่เกาะโซโลมอน ลงนามร่วมกันในข้อตกลงว่า ด้วยการยกระดับการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี


ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า การลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นที่ไหน และเมื่อใด แต่ระบุว่า กลุ่มประเทศแปซิฟิกตอนใต้ “ไม่ใช่หลังบ้าน” และ “หมากการเมืองบนกระดานอำนาจของใคร”

อย่างไรก็ตาม การประกาศที่จีนเป็นผู้เผยแพร่ เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังทำเนียบขาวเตรียมส่ง นายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานด้านกิจการอินโด-แปซิฟิก สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เยือนกรุงโฮนีอารา เมืองหลวงของหมู่เกาะโซโลมอน เพื่อพบหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กแห่งนี้ และ “โน้มน้าว” ไม่ให้มีการลงนามในข้อตกลง


แม้นายกรัฐมนตรีมานัสเซห์ โซกาวาเร ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอน ยืนยันว่า ความร่วมมือดังกล่าวไม่ครอบคลุม และไม่อนุญาตให้จีนเข้ามาตั้งฐานทัพ อย่างไรก็ตาม เนื้อหาบางส่วนของร่างข้อตกลงที่หลุดรอดออกมาก่อนหน้านี้ สร้างความวิตกกังวลอย่างหนัก ให้กับนานาประเทศร่วมภูมิภาคแปซิฟิกตอนใต้ โดยเฉพาะสองประเทศขนาดใหญ่ อย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์


สำหรับเนื้อหาที่ว่านั้น รวมถึงการที่รัฐบาลปักกิ่งอาจมีการนำเรือมาจอดเทียบท่า เพื่อเติมเสบียง หรือเดินทางผ่านหมู่เกาะโซโลมอน โดยต้องได้รับความเห็นชอบ จากรัฐบาลในกรุงโฮนีอารา ขณะเดียวกัน รัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอนอาจอนุญาตให้ตำรวจของจีนเข้ามาปฏิบัติการในประเทศ “เพื่อรักษาความสงบในสังคม”


ปัจจุบัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีข้อตกลงด้านความมั่นคงกับหมู่เกาะโซโลมอน และร่วมประจำการเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่กรุงโฮนีอารา เมืองหลวงของหมู่เกาะโซโลมอน นับตั้งแต่เกิดการจลาจล เมื่อเดือน พ.ย. 2564 หรือ 2 ปี หลังรัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอน ประกาศยุติความสัมพันธ์กับไต้หวัน เพื่อไปสถาปนาความร่วมมืออย่างเป็นทางการ กับรัฐบาลปักกิ่งแทน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES