นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการตามมาตรการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 65 โดยมีมาตรการตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และจุดจอด จุดตรวจ Checking Point และ Rest Area รวม 205 จุด ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.65 เพื่อให้พี่น้องประชาชน “เดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19” ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่ง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
สำหรับผลดำเนินการตรวจความพร้อม สะสม 3 วัน (11-13 เม.ย.65) ตรวจรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถแล้ว 32,321 คัน พบข้อบกพร่อง สะสมจำนวน 14 คัน สั่งการให้เร่งดำเนินการให้เรียบร้อยแล้ว และพบรถไม่พร้อมเปลี่ยนรถทันทีจำนวน 3 คัน ส่วนการตรวจความพร้อมพนักงานขับรถ จำนวน 32,321 ราย มีความพร้อมในการให้บริการทุกราย ไม่พบพนักงานขับรถที่มีชั่วโมงการขับรถเกินกฎหมายกำหนด ในส่วนผลการดำเนินการติดตามตรวจสอบการเดินรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก ด้วยระบบ GPS Tracking ผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS สะสม 3 วัน จำนวน 187,554 คัน พบการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 296 คัน
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ผลตรวจสอบการใช้ความเร็วรถโดยสารและรถบรรทุก ด้วยกล้องเลเซอร์ บนถนนสายหลักและสายรองที่มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 5,119 คัน พบการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด 50 คัน ทั้งนี้จะประสานผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อระงับการใช้ความเร็ว ควบคู่กับมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับการร้องเรียนเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะแล้ว ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว 98 เรื่อง พบปัญหาขับรถประมาท น่าหวาดเสียวมากที่สุด รองลงมา คือ แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพหรือแต่งกายไม่เรียบร้อย และไม่หยุดรับส่งผู้โดยสารที่ป้ายหยุดรถ ซึ่งจะเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาสอบสวนและดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้พบปัญหาจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ แจ้งสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชม
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ขอให้เจ้าหน้าที่เข้มข้นตรวจสภาพรถโดยสารสาธารณะให้มีความปลอดภัย พนักงานขับรถทั้งหลักและสำรอง ต้องพร้อมปฏิบัติหน้าที่ พักผ่อนให้เพียงพอเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดตลอดการเดินทาง ต้องไม่มีสารเสพติด และแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ทุกราย หากตรวจพบมีสารเสพติดจะส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที กรณีพบมีแอลกอฮอล์ในลมหายใจ หากตรวจสอบพบก่อนปฏิบัติหน้าที่ให้เปลี่ยนพนักงานขับรถ และกรณีตรวจพบขณะปฏิบัติหน้าที่จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายทันที กำชับผู้ประกอบการควบคุมการให้บริการ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเดินรถ ห้ามเก็บอัตราค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด ห้ามบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่งโดยเด็ดขาด
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ตามประเภท และรูดบัตรยื่นยันตัวตนในระบบ GPS ก่อนขับขี่ ไม่ขับรถติดต่อกันเกิน 4 ชม. และใช้ความเร็วเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป กรณีพบเห็นรถโดยสารสาธารณะขับขี่ไม่ปลอดภัย หรือมีพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย สามารถแจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชม.