สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน และถือเป็นครั้งแรกด้วย ที่ผู้นำรัสเซียกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาต่อสาธารณชน นับตั้งแต่สงครามปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ประณามรัฐบาลเคียฟของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี “ขัดขวาง” กระบวนการเจรจาสันติภาพ


ผู้นำรัสเซีย กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการหลายอย่างของยูเครนทำให้สถานการณ์หวนกลับมาสู่ภาวะที่เรียกว่า “ทางตัน” และยืนยันว่า กองทัพรัสเซียจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดตามที่วางแผนไว้ “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” ถือเป็นท่าทีที่ยิ่งตอกย้ำความยืดเยื้อของสงครามครั้งนี้


ขณะเดียวกัน ปูตินกล่าวถึงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก ซึ่งมีแนวโน้มทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียเผชิญกับภาวะถดถอยหนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต เมื่อปี 2534 ว่า “ความพยายามของเหล่าศัตรูจะล้มเหลวในที่สุด” โดยเรียกเรื่องนี้ว่า “เป็นสงครามสายฟ้าแลบนำโดยสหรัฐ ซึ่งต้องการสู้กับรัสเซีย จนกว่าจะเหลือชาวยูเครนคนสุดท้าย” เพื่อเปลี่ยนแปลง “ระเบียบโลกขั้วเดียว”


เกี่ยวกับการที่ตะวันตกยังคงเดินหน้าใช้คำว่า “อาชญากรสงคราม” กับรัสเซีย ปูติน กล่าวว่า “สหรัฐต้องดูตัวเองบ้าง” จากสิ่งที่ทำไว้ ที่เมืองรักกาของซีเรีย และตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ในอัฟกานิสถาน รัฐบาลวอชิงตันกล่าวหารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี ท้ายที่สุดก็ปรากฏว่า “เป็นเรื่องเท็จ” แต่ตะวันตกยังคงสร้าง “เฟคนิวส์” รูปแบบเดิม ที่เมืองบูชาของยูเครน.

เครดิตภาพ : REUTERS