เมื่อวันที่ 12 เม.ย.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พักสงฆ์ภูหงอนไก่ เขาหงอนไก่ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้านในเขต ต.รุง ประกอบด้วยชาวบ้านหนองอุดม หมู่ 5 และ บ้านคลองทราย หมู่ 7 บ้านโดนอาวหมู่ 4  ประมาณ 100 คน นำโดย นายอภิชัย ปัดคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านหนองอุดม ต.รุง และ นายพะนอม ศรีบุญเรือง ประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เดินเท้าประมาณ 2 กม.ขึ้นมาที่พักสงฆ์แห่งนี้ เพื่อร่วมกันชุมนุมคัดค้านไม่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามารื้อถอนวัด ที่ชาวบ้าน 3 หมู่บ้านร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2504 เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติกิจทางศาสนา

ทั้งนี้ นายอภิชัย นำชาวบ้านประกอบพิธีทางศาสนาและได้นำขันดอกไม้ ธูปเทียน นิมนต์พระบุญเที่ยง ฐานิสโร พรรษา 7 พรรษา เพื่อขอให้พระบุญเที่ยงได้อยู่ปฏิบัติธรรมจำพรรษาที่พักสงฆ์แห่งนี้ต่อไป  โดยรอบบริเวณที่พักสงฆ์มีศาลาที่ทำขึ้นด้วยไม้ไผ่และหญ้าคา ซึ่งชาวบ้านพากันขนมาทำเป็นที่พักสงฆ์ ไม่ได้มีการตัดต้นไม้ทำลายป่าแต่อย่างใด ซึ่งพระบุญเที่ยงได้รับพานดอกไม้ธูปเทียนที่ชาวบ้านนิมนต์เอาไว้

นายอภิชัย ปัดคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านหนองอุดม กล่าวว่า ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะมารื้อที่พักสงฆ์และขับไล่พระออกไปจากที่วัดภูหงอนไก่ ไม่ให้พระมาจำศีลภาวนาอยู่ที่แถวนี้ ซึ่งวัดแห่งนี้ได้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 และปี 2508 ได้ก่อสร้างวัดเสร็จจึงได้ทำพิธีฉลองกัน ต่อมาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบอกว่าพื้นที่ตั้งวัดอยู่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าซึ่งพวกตนชาวบ้าน 3 หมู่บ้านต้องการที่จะให้หลวงพ่อท่านปฏิบัติธรรมจำศีลภาวนาอยู่ที่วัดต่อไป เพราะว่าวัดอยู่มาตั้งแต่ตนยังไม่ได้เกิด เป็นวัดที่ชาวบ้าน  3 หมู่บ้านเคารพศรัทธานับถือ โดยมีชาวบ้านหนองอุดม หมู่ 5 ,บ้านคลองทราย หมู่ 7 ,บ้านโดนอาวหมู่ 4 ได้ร่วมกันสร้างวัดมาตั้งแต่ปี 2504 

นายพะนอม ศรีบุญเรือง ประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มชาวบ้านได้ทำหนังสือส่งไปถึงเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าของพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อที่จะขอให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตรงนี้และอีกทางหนึ่งก็คือได้ดำเนินการเรื่องจะทำเรื่องขออนุญาตจัดตั้งสำนักสงฆ์ หรือวัด เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพราะว่าที่ตรงนี้มันเป็นจุดที่บรรพบุรุษของหมู่บ้าน 3 หมู่บ้านนี้ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่จะมาให้เขารื้อสิ่งของนี้ออกไปรวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในนี้ซึ่งชาวบ้านไม่เห็นด้วย เหมือนทำร้ายจิตใจกัน แต่ชาวบ้านจึงได้ขอใช้สิทธิ์ทำเป็นหนังสือยื่นไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขอให้ชาวบ้านได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ด้วย โดยชาวบ้านยืนยันว่าจะไม่ตัดต้นไม้ทำลายสิ่งแวดล้อม จะช่วยกันรักษาดูแลป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมต่อไป

พระบุญเที่ยง ฐานิสโร  บวชได้ 7 พรรษาแล้ว กล่าวว่า อาตมาบวชอยู่ที่วัดบ้านตาจั่น ต.ตาจั่น อ.คง  จ.นครราชสีมา และเดินธุดงค์มา 5 ปี ช่วงปีที่แล้วมีการระบาดของโควิด-19 อาตมาธุดงค์มาอยู่ที่ ต.เมืองที อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิด  เนื่องจากปีที่แล้วติดโควิดไปไหนไม่ได้ ต่อมามีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำว่าให้มาเข้าป่าแถวศรีสะเกษมีป่ามีถ้ำซึ่งถูกกับจริตของอาตมา ดังนั้นจึงได้เดินธุดงค์มากับครูบาอาจารย์มาตามป่าเขาต่าง ๆ และได้ธุดงค์เข้ามาในป่าที่ตรงนี้เพื่อปฏิบัติธรรมตั้งแต่ปีที่แล้วได้ 1 พรรษาแล้ว โดยอาตมาจะเดินลงไปเดินบิณฑบาตโปรดญาติโยมในหมู่บ้านหนองอุดมเป็นประจำทุกวัน โดยจะออกเดินตั้งแต่ 05.30 น.ลงไปถึงหมู่บ้านประมาณ 7 โมงจากนั้นจึงจะได้เดินกลับมาถึงวัดเวลาประมาณ 08.30 น.ฉันภัตตาหารและปฏิบัติติธรรมระยะทางไปกลับประมาณ 12 กิโลฯ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ชาวบ้านได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2504 เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติติธรรม เพื่อที่จะอบรมกล่อมเกลาจิตใจของชาวบ้านให้รักธรรมชาติ รักษาป่า

“เมื่อญาติโยมนิมนต์ให้อาตมาอยู่ตรงนี้ต่อไป เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพวกเขา อาตมาภาพก็ยินดีรับ ไม่คิดว่าจะมีความร่วมมือร่วมใจของญาติโยมมากมายขนาดนี้ ส่วนตัวอาตมนั้นหากทางราชการจะให้ออกไปจากตรงนี้ ก็พร้อมที่จะไป ไม่ยึดติดว่าจะต้องอยู่ที่ใด เมื่อศรัทธานี้เกิดขึ้นมาอาตมาจะละทิ้งศรัทธาพวกเขาก็กระไรอยู่ เราเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา การที่จะหนีการสั่งสอนประชาชนให้เข้าใจในศาสนาก็เป็นไปไม่ได้” พระบุญเที่ยง ฐานิสโร  กล่าวทิ้งท้าย