เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่ เรส-คิว ฟาร์ม (Res-Q Farm) แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 เปิดเวทีเสวนาร่วมกับนายวีระ สรแสดง เจ้าของ Res-Q Farm มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ โดยนายสกลธีพร้อมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชน รวมถึงกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ในชุมชนหาทางออกให้กับปัญหาปากท้องคนกรุงเทพฯ รวมถึงนำแนวคิด Smart Farming การเกษตรต้นทุนต่ำประหยัดค่าไฟ มาสร้างงานสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ชุมชนและประชาชน พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ ต้นทุน และช่องทางจำหน่าย ให้ทุกบ้านสามารถทำการเกษตรเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมได้อย่างครบวงจร พร้อมกับเดินหน้านำเสนอนโยบายอย่างต่อเนื่อง

นายสกลธีกล่าวถึงการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ด้วยการนำแนวคิด Smart Farming มาต่อยอดเป็นนโยบายสร้างงานสร้างอาชีพ ว่าตนขอยก Res-Q Farm ฟาร์มทดลองขนาด 9 ไร่ ในย่านคลองสามวา ให้เป็นต้นแบบเกษตรกรรมวิถีใหม่ที่ไม่มีการใช้สารเคมี สามารถลดต้นทุน และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้

ตนมองว่าพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ หลายแห่งยังเป็นพื้นที่เกษตรกรรม มักประสบปัญหาด้านต้นทุนและผลผลิต การส่งเสริมให้เกษตรกร รวมไปถึงคนทำงานที่สนใจการเกษตรวิถีใหม่ได้มีความรู้และเข้าใจการทำเกษตรกรรมแบบ Smart Farming ที่สามารถทำได้ไม่ยาก จะช่วยลดปัญหาตรงนี้ลงได้ อย่างที่ตนได้เลือก Res-Q Farm เป็นฟาร์มต้นแบบ สามารถเปลี่ยนพื้นที่ที่มีปัญหา ทั้งที่ดินต่ำกว่าถนน น้ำท่วม ไม่มีไฟฟ้า และดินไม่ดี ให้เป็นฟาร์มแบบออร์แกนิก ไม่ใช้สารเคมี เน้นพลังงานสะอาดในการบริหารจัดการ โดยนำวัสดุเหลือใช้อย่างเช่นมอเตอร์เครื่องซักผ้า มอเตอร์ตู้เย็น อุปกรณ์รถยนต์ มาประยุกต์สร้างสรรค์เป็นเครื่องมือต่างๆ และใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์เป็นหลัก ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าไฟฟ้า ทั้งยังสร้างรายได้ด้วยการส่งขายและแปรรูปเป็นอาหาร

โดยเมื่อครั้งเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ตนได้นำแนวคิดนี้ไปทดลองทำเป็นแปลงเกษตรและบรรจุสอนเป็นวิชาที่โรงเรียนฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานคร (หนองจอก) พร้อมกับทำเป็นศูนย์การฝึกอาชีพของคนพิการทุกประเภทด้วยซึ่งคาดว่าจะทำการเรียนการสอนได้ในเร็ววันนี้

สำหรับโมเดล Smart Farming นายสกลธี กล่าวว่า ตนจะต่อยอดไปสู่การสนับสนุนให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ นำความรู้เรื่อง Smart Farming ไปใช้ในการปลูกพืชผักในพื้นที่ของตัวเอง อาจจะเป็นสวนหลังบ้าน ระเบียงบ้าน หรือในลานจอดรถ เพื่อสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว เน้นปลูกผักไฮโดรโปนิกส์หลายชนิด รวมถึงพืชผักที่มีราคาดีอย่างโรสแมรี่ออริกาโน่ ผักเคล เห็ด ชาทาร์รากอน โดยมีฝ่ายพัฒนาชุมชนของกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ทั้งการให้ความรู้ สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ และหาช่องทางการจำหน่ายให้ เป็นการให้ให้ทุกบ้านสามารถทำการเกษตรเป็นอาชีพ ทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริมได้อย่างครบวงจร

อย่างไรก็ตาม การเสวนาและนำเสนอนโยบายครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนคนรุ่นใหม่ที่สนใจวิถีเกษตรกรรมแบบ Smart Farming เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก พร้อมทั้งได้นำเสนอปัญหาที่อยากให้กรุงเทพฯดำเนินการแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับปากท้อง ซึ่งนายสกลธีได้รับฟังและร่วมถกถึงหนทางแก้ไขเพื่อนำไปบรรจุลงในนโยบายในการพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น