บรรยากาศหุ้นไทยวันที่ 11 เม.ย.65 เคลื่อนไหวในแดนลบทั้งวัน ตามทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงร่วงหนักจากสถานการณ์โควิดที่ระบาดในเมืองเซี่ยงไฮ้ จนต้องล็อกดาวน์ และตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ม.ค.65 ของจีนขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,678.46 จุด ลดลง 7.54 จุด หรือ 0.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 62,755.06 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 649.21 จุด ลดลง 8.21 จุด หรือ 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12,562.14 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นมีโอกาสพักตัวเกิดเซลส์ อิน เม(ษา) จาก 3 เหตุผล คือความกังวลต่อนโยบายทางการเงินของสหรัฐที่มีความตึงตัวสูงขึ้น ซึ่งประเมินว่านักลงทุนจะมีความกังวลมาขึ้นเมื่อเข้าใกล้วันประชุม คณะกรรมการตลาดเสรีกลางครั้งถัดไปวันที่ 4 พ.ค. 65 และจะมีการขายสินทรัพย์ลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุม และมีโอกาสเกิดการผิดนัดชำระหนี้ของรัสเซีย อีกทั้งเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจากผลของมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวด
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง -2.00 บาท
2.อีเอ ปิดที่ 86.75 บาท ลดลง -0.75 บาท
3.บีดีเอ็มเอส ปิดที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
4.ปตท.สผ ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
5.เคซีอี ปิดที่ 61.00 บาท ลดลง -2.25 บาท