สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง จากพรรคอ็องมาร์ช ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 27.6% ตามเอ็กซิตโพลของศูนย์วิจัยอิปซอส/โซปรา สเตเรีย


ขณะที่ นางมารีน เลอ แปน คู่แข่งคนสำคัญของมาครง ตัวแทนจากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ( เอฟเอ็น ) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองซึ่งมีจุดยืนขวาจัด ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนตามมาเป็นอันดับสอง 23% ส่วนผู้สมัครที่เหลืออีก 10 คน ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากน้อยลดหลั่นกันไป

FRANCE 24 English

ด้วยความที่ไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่าครึ่งตั้งแต่รอบแรก มาครง วัย 44 ปี และ เลอ แปน วัย 53 ปี ซึ่งเป็นผู้สมัครสองคนแรกที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด จะเข้าสู่การเลือกตั้งรอบตัดสินหรือรอบชิงดำ ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็น “การย้อนรอย” การเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศส เมื่อปี 2560


อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งรอบตัดสินครั้งนี้จะแตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปัจจัยสำคัญรวมถึงการที่นโยบายหลายเรื่องของมาครง สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่ชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะการปฏิรูประบบแรงงานและสวัสดิการสังคม ที่ส่งผลให้เกิดการประท้วงหลายต่อหลายครั้ง

FRANCE 24 English

ตรงข้ามกับ เลอ แปน ที่ปรับการแสดงภาพลักษณ์ของตัวเองให้นุ่มนวลมากขึ้น และการหาเสียงที่เข้าถึงกลุ่มชนชั้นกลางไปจนถึงกลุ่มชนรากหญ้ามากขึ้น จนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นและกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์วิจัย อิฟอป ประเมินว่า มาครง จะเอาชนะ เลอ แปน ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 51% ต่อ 49% แต่ผลสำรวจที่สูสีเช่นนี้บ่งชี้โอกาสของการเกิดความคลาดเคลื่อน และบ่งชี้ว่า มาครง ไม่สามารถคาดหวังคะแนนได้จาก “ฝ่ายต่อต้าน เลอ แปน” ได้อีกต่อไป.

เครดิตภาพ : REUTERS