สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ว่านายอาลี ซาบรี รมว.การคลังของศรีลังกา กล่าวถึงวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศตอนนี้ ว่าสิ่งสำคัญที่สุด ณ เวลานี้ คือการต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้ การชำระหนี้งวดต่อไปของศรีลังกา คือภายในเดือน ก.ค. นี้ มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,583 ล้านบาท) และเป็นการต้องจ่ายคืนให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

นายอาลี ซาบรี รัฐมนตรีคลังของศรีลังกา


อย่างไรก็ตาม ซาบรีแสดงความเชื่อมั่น ว่ารัฐบาลศรีลังกาจะสามารถประนีประนอมกับไอเอ็มเอฟในเรื่องนี้ได้ ขณะที่มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศของศรีลังกาอยู่ที่ 1,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,815.19 ล้านบาท) เมื่อเดือน มี.ค. และธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากถึง 700 จุดภายในคราวเดียว เพื่อเป็นความพยายามรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง


ขณะเดียวกัน ซาบรีกล่าวว่า ศรีลังกาจะพยายามเจรจากับธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) จีน สหรัฐ และอีกหลายประเทศในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนปรับเพิ่มอัตราภาษี และขึ้นราคาเชื้อเพลิงภายในระยะเวลาอีก 6 เดือนนับจากนี้


อย่างไรก็ดี เพื่อจัดหาเชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้ทันภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปีนับจากนี้ ซาบรีประเมินว่า ศรีลังกา ประเทศขนาดเล็กซึ่งมีประชากรราว 22 ล้านคน จำเป็นต้องหาแหล่งสินเชื่อหรือแหล่งเงินกู้จากภายนอก ให้ได้ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 100,749 ล้านบาท).

เครดิตภาพ : REUTERS