เมื่อวันที่ 8 เม.ย. จากผลการปฏิบัติงานชุดเฉพาะกิจเล็บเหยี่ยวบุกสุ่มตรวจจับทุเรียนอ่อนอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบกลไกการตลาด และการส่งออกทุเรียนชะงัก นายสุธี ทองแย้ม ผวจ.จันทบุรี จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพทุเรียน ในล้งผลไม้ส่งออกทุเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี หลังเคยถูกชุดปฏิบัติงานชุดเฉพาะกิจเล็บเหยี่ยวบุกสุ่มตรวจจับทุเรียนอ่อน

แต่ล่าสุดได้รับการร้องเรียนจากสายลับว่าทางล้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ยังมีทุเรียนด้อยคุณภาพปะปนอยู่ในล้ง การปฏิบัติงานในครั้งนี้ มอบหมายให้ พล.ร.ต.อุเทน คล้ายภูผึ้ง รอง ผอ.รมน.จันทบุรี ฝ่ายทหารเป็นหัวหน้าชุดนำเจ้าหน้าที่ทหาร, ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง, ตรวจคนเข้าเมือง, จัดหางาน, เกษตรจังหวัด, สวพ.6 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จาก สวพ.6 ได้ทำการตรวจซ้ำ ทุเรียนพันธ์ุหมอนทอง และพันธุ์พวงมณี ภายในล้งพบเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งไม่ผ่าน หรือเป็นทุเรียนอ่อน

ขณะทุเรียนที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการคัดกรองในล้งคัดบรรจุแห่งนี้มีประมาณ 7 ตัน โดยทุเรียน “หมอนทอง” วัดค่าน้ำหนักแป้งแห้งได้ 25% ทุเรียน “พวงมณี” วัดค่าน้ำหนักแป้งแห้งได้ 20% จึงเปิดโอกาสให้ทางผู้ประกอบการ ทำการคัดแยกผลไม้ที่คิดว่าไม่ได้คุณภาพออกจากทุเรียนที่มีคุณภาพเพื่อนำไปทำลายและจะมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ขอดูใบ GAP เพื่อสืบหาแหล่งที่มาของทุเรียนว่ามาจากสวนไหน ตลอดจนเอกสารการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งทุเรียนก่อนตัด ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่าเอกสารที่นำมาแสดงไม่สอดคล้องกับคำให้การ เนื่องจากเอกสาร GAP ที่ทางล้งนำมาแสดง เป็นเอกสารจากสวนในพื้นที่ อ.ขลุง แต่ทางผู้ประกอบการ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ทุเรียนจำนวนดังกล่าวตัดมาจากสวนพื้นที่ จ.ระยอง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ปกครองฝ่ายความมั่นคง ได้ตรวจสอบสถานที่บริเวณโดยรอบ พบหลักฐานบ่งชี้การเสพยาเสพติดจึงเข้าตรวจค้นบ้านพักคนงานหลังล้งผลไม้ พบแรงงาน 1 รายมีฉี่สีม่วง พร้อมอุปกรณ์การเสพยาเสพติด ตลอดจนใบกระท่อมที่มีการนำมาต้มน้ำผสมยาแก้ไอเป็นยาเสพติดประเภท 4 คูณ 100 ที่ผสมพร้อมเสพ

หลังการสอบสวนเบื้องต้นได้ควบคุมตัวแรงงานคนดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนายายอาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนของผลไม้ในสถานประกอบการแห่งนี้ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายเข้าทำการบรรจุภัณฑ์ได้ เนื่องจากต้องรอเจ้าหน้าที่เกษตรทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและต้องมีใบรับรองผลผลิตถึงจะส่งออกไปขายได้.