เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เบอร์ 11 พร้อมด้วยนางนาถยา แดงบุหงา อดีต ส.ส.กทม.เขตสะพานสูง-ประเวศ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง และนายภูเบศ โพธิ์โซ๊ะ ผู้สมัคร ส.ก.เขตสะพานสูง เบอร์ 5 และคณะทำงานฯ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พบปะพี่น้องมุสลิม ที่ร่วมประกอบศาสนกิจ ละหมาดวันศุกร์ ที่มัสยิดอัลยุซรอ เขตสะพานสูง กทม.

น.ต.ศิธา กล่าวถึงหลักการบริหาร กทม.ว่า พรรค ทสท. มีความชัดเจนเรื่องคืนอำนาจให้ประชาชน ส่งมอบประเทศที่ดีที่สุดให้ลูกหลานและทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้คนรุ่นใหม่ทำงานร่วมกับคนรุ่นผู้ใหญ่ปัจจุบันได้ ในอดีตมีความแตกแยกทางการเมืองเป็นซ้ายกับขวา ปัจจุบันมีเรื่องช่องว่างระหว่างวัยเกิดขึ้นอีก จึงมองว่าต้องเข้าไปช่วยเหลือดูแลส่วนนี้ให้ทุกภาคส่วนของคนไทยเข้าร่วมมือพัฒนา พรรค ทสท. จึงให้ความสำคัญกับเมืองหลวง ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ครบทุกเขต และในอนาคตจะส่ง ส.ส.ให้ครบทุกเขต โดยพรรค ทสท. ดำเนินการอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แสดงความจริงใจและมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

“เราทำงานทุกวันอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นการเก็บข้อมูล แม้เปิดตัวช้า แต่ข้อมูลที่รับฟังจากประชาชนในพื้นที่มาและไม่ใช่แค่เก็บข้อมูล แต่ร่วมคิดร่วมทำกับชาวบ้าน รู้ตั้งแต่ปัญหาเกิดขึ้น รู้กระบวนการแก้ไขและร่วมแก้ไขให้สำเร็จและดำเนินการมาแล้ว” น.ต.ศิธา กล่าว

น.ต.ศิธา กล่าวว่าสำหรับนโยบายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชุมชนมุสลิมโดยเฉพาะด้านการศึกษา มีแนวคิดรวมโรงเรียนสอนศาสนาทุกศาสนา เข้ามาอยู่ในสังกัด กทม. เพื่อการส่งเสริมงบประมาณและโภชนาการของเด็กให้เท่าเทียมกับโรงเรียนอื่นๆ ตามนโยบายพัฒนาการศึกษาของพรรค ทสท. และสภาชุมชนที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย. จะมีองค์ประกอบของคณะกรรมการสภาชุมชน โดยการเลือกตัวแทนในชุมชนที่นับถือศาสนาอิสลาม และต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการมัสยิดด้วย

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วยนายจอนนี่ แอนโฟเน่ และผู้สมัคร ส.ก.เขตมีนบุรี “สมพร ดำพริก” เบอร์ 2 ได้จัดคาราวานสร้างไทย และเดินเท้าเข้าชุมชนบ้านบ้านเกาะไผ่เหลือง และชุมชนแสงวิมาน เขตมีนบุรี เพื่อปะพี่น้องประชาชนชาวมุสลิมในช่วงถือศีลอด รอมฎอน ที่มัสยิดเราะห์มาตุ้ลอิสลาม และมัสยิดมาลุ้ลเอื๊ยห์ซาน.