เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายสิทธิ นาคนาวา (ยิ้มใจ) ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 4 เขตสวนหลวง พรรคก้าวไกล เดินทางไปมัสยิดนูรูลอิสลาม (บ้านป่า) เขตสวนหลวง เพื่อรับฟังปัญหาหาของพี่น้องชาวมุสลิมในการปรับตัวช่วงเดือนถือศีลอด (รอมฎอน) ในสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิด-19 นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายกระจายงบประมาณ ซึ่งเเต่เดิมอยู่ในส่วนงบกลาง โดยจะแบ่งงบประมาณ 5% ของ 80,000 ล้านบาท ซึ่งก็คือ 4,000 ล้านบาท กระจายลงไป 50 เขต เชื่อว่าจะทำให้งบประมาณไปอยู่ที่ประชาชน อยากให้ กทม. มีปรับวิธีคิดในการทำงาน เพราะ 10 ปีที่ผ่านมาทำงานโดยลืมหน้าที่ว่าต้องรับใช้ประชาชน

“หากผู้ว่าทำงานฉายเดี่ยว ไม่กระจายอำนาจ ปัญหาเดิมๆจะยังคงอยู่ ทุกวันนี้เราคิดเเบบกลับหัวกลับหาง ผู้ว่าไม่ได้แก้ไขปัญหา ผู้ว่ามองประชาชนเป็นแบบลูกน้อง ไม่ได้มองว่าข้อบัญญัติต่างๆของ กทม.ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อประชาชน งบประมาณที่ดีต้องใช้ไปหล่อเลี้ยงรัฐสวัสดิการ เพื่อดูเเลประชาชนให้มากพอ 4 ปี หากผมมีโอกาสได้บริหารกรุงเทพมหานครจะต้องเปลี่ยนแปลง”

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้ เพราะรัฐบาลไว้ใจประชาชนน้อยเกินไป ตนเชื่อว่าเมื่อจ่ายงบประมาณไปแล้ว จะต้องไปถึงประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และเชื่อว่าเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นจะไม่มีผู้ว่าฯ กทม. คนใดจะกล้าตัดลบงบประมาณของประชาชนอีก หากการกระจายอำนาจเกิดขึ้น จะทำให้ประชาชนมีอำนาจ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ทางด้านโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิด กล่าวว่า มัสยิดนี้มีเครือข่ายทั้งหมด 8 ชุมชน โดยมัสยิดเป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ปัญหาที่ชุมชนมีขณะนี้คือเรื่องงบประมาณในการทำกิจกรรมทางศาสนาของมัสยิดเพื่อทำค่ายสำหรับเยาวชน ซึ่งต้องการให้ฝ่ายปกครองเข้ามาช่วยเหลือในการทำกิจกรรมทางศาสนาของมัสยิดเเละชุมชน นอกจากนี้ มัสยิดยังมีเครือข่ายเป็นสถานศึกษาทั้งระดับประถม มัธยมศึกษา จึงต้องการเเรงสนับสนุนจากภาครัฐ ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของกรุงเทพฯ คิดว่าฝ่ายปกครองน่าจะมีงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือปัญหาในเรื่องนี้