นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้วันที่ 7 เม.ย.65 ที่ระดับ 33.58 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.43 บาทต่อดอลลาร์ (ณ วันที่ 5 เมษายน) มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.70 บาทต่อดอลลาร์

ในช่วงวันหยุดในฝั่งไทย ตลาดการเงินโดยรวมกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องจากความกังวลทั้งปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน จากแนวโน้มบรรดาประเทศฝั่งตะวันตกอาจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย รวมถึงประเด็นล่าสุด คือ ความกังวลแนวโน้มเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อาทิ การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม หรือ การประชุมครั้งถัดๆ ไป

รวมถึงการเร่งปรับลดงบดุล (QT) ในอัตราที่สูงขึ้นกว่าในการลดงบดุลในรอบปี 2017-2019 โดยความกังวลเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ได้เพิ่มสูงขึ้น หลังเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งก่อนหน้ามักจะสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่ไม่เข้มงวดมากนัก อย่าง Lael Brainard ได้ออกมาสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ย พร้อมกับเร่งลดงบดุล

นอกจากนี้ รายงานการประชุมเฟดเดือนมีนาคม (FOMC Meeting Minutes) ที่เฟดเปิดเผยในเวลา 01.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ยังได้ระบุอีกว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เห็นชอบการเร่งลดงบดุล โดยเบื้องต้นประเมินอัตราการลดงบดุลสูงสุด สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อยู่ที่ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และ สำหรับตราสาร Agency MBS, MBS ที่ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านก็เห็นชอบการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งถัดๆ ไป เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด เพื่อประเมินโอกาสที่ ECB อาจขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่การฟื้นตัวเศรษฐกิจยุโรปอาจยังมีความไม่แน่นอนอยู่จากผลกระทบของสงคราม ซึ่งหาก ECB ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและมองว่ามีโอกาสที่ ECB อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ก็อาจจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นได้บ้าง

นอกเหนือจากรายงานการประชุมล่าสุดของ ECB และแนวโน้มสถานการณ์สงคราม รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน มองว่า ผู้เล่นในตลาดควรติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีน ที่ยังมีการระบาดที่รุนแรงอยู่และอาจกดดันแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนในระยะสั้น ซึ่งอาจส่งผลมายังบรรยากาศตลาดการเงินในฝั่งเอเชียได้

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า เงินบาทยังคงผันผวนในกรอบกว้าง โดยในระหว่างวัน เงินบาทอาจอ่อนค่าต่อได้ จากแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าที่มาจากแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่ยังคงแข็งค่าอยู่ จากความกังวลของตลาดต่อสถานการณ์สงคราม รวมถึงท่าทีการเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของเฟด ขณะเดียวกัน ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในจีนก็อาจยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในฝั่งเอเชีย

อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจผันผวนในช่วงใกล้รับรู้รายงานการประชุมของ ECB เพราะหาก ECB ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยได้ ก็อาจหนุนให้ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นและกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง นอกจากนี้ ในระหว่างวัน ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยมองว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังเดินหน้า ซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทย จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าไปมากในระยะนี้ได้

อนึ่ง เงินบาทยังคงมีแนวต้านในโซน 33.70 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าบรรดาผู้ส่งออกก็ต่างรอขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ส่วนแนวรับสำคัญในระยะสั้นจะอยู่ในช่วง 33.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งบรรดาผู้นำเข้าอาจรอจังหวะ buy on dip อยู่ ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน