ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขจร ศรีชวโนทัย ผวจ.สมุทรสงคราม พร้อมด้วยนายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าฯ นางกชนัฑ พัฒนะวิชัย นอภ.อัมพวา น.ส.สุกานดา ปานะสุทธะ นายก อบจ.สมุทรสงคราม ลงพื้นที่ ต.แควอ้อม อ.อัมพวา แหล่งปลูกลิ้นจี่ที่มีชื่อเสียง ติดตามผลผลิตพร้อมขึ้นพะองเก็บผลลิ้นจี่ จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ปีนี้ลิ้นจี่ให้ผลผลิตเพียงแค่ 400 ตันเศษ จึงอาจเป็นช่องทางให้ผู้ค้าหรือผู้ประกอบการบางรายที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวนำลิ้นจี่จากพื้นที่อื่นมาขายตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะริมถนนพระราม 2 แล้วแอบอ้างว่าเป็นลิ้นจี้ค่อมสมุทรสงคราม ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค

ดังนั้นทางจังหวัดฯ จึงออกประกาศให้ผู้ประกอบการหรือผู้จำหน่ายที่จะนำลิ้นจี่ที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดอื่นมาจำหน่ายใน จ.สมุทรสงคราม ต้องไม่อ้างหรือแสดงให้เห็นทำนองว่าเป็นลิ้นจี่ที่ผลิตหรือปลูกในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้หากมีเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด หรือสาระสำคัญโฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันจะมีความผิด จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย

นายขจร กล่าวอีกว่า ด้วยลิ้นจี่พันธุ์ค่อมสมุทรสงครามปีนี้ ให้ผลผลิตน้อย แค่จำหน่ายในสวนก็น่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ทางจังหวัดจึงงดจัดงานลิ้นจี่ในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ คาดว่าลิ้นจี่น่าจะมีขายไม่เกินวันที่ 20 เม.ย.ก็จะหมด ส่วนลิ้นจี่ที่จำหน่ายอยู่ตามริมถนนต่างๆ โดยเฉพาะถนนพระราม 2 นั้น ตนยืนยันว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ลิ้นจี่พันธ์ุค่อมของ จ.สมุทรสงคราม จึงขอให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการลิ้นจี่ค่อมสมุทรสงคราม ให้เข้าสวนซื้อจากแหล่งปลูกโดยตรง จะได้ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมสมุทรสงครามของแท้แน่นอน