สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ว่า กลุ่มตาลีบันประกาศคำสั่งของ นายไฮบาตุลเลาะห์ อัคฮุนด์ซาดา ผู้นำสูงสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่า “ตามคำสั่งผู้นำสูงสุดของอัฟกานิสถาน ชาวอัฟกันทุกคนได้รับแจ้งให้ทราบว่า นับแต่นี้ไป ห้ามเพาะปลูกดอกฝิ่นทั่วทั้งประเทศโดยเด็ดขาด”

“หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่ง ผลผลิตจะถูกทำลายโดยทันที และผู้ฝ่าฝืนจะได้รับโทษตามกฎชารีอะห์” ประกาศคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถาน ในการแถลงข่าวในกรุงคาบูล

คำสั่งได้กล่าวไว้ว่า การผลิต การใช้ หรือการขนส่งยาเสพติดอื่น ๆ ก็ถูกห้ามเช่นเดียวกัน

การควบคุมยาเสพติดเป็นหนึ่งข้อเรียกร้องหลักของชุมชนนานาชาติของกลุ่มตาลีบัน ซึ่งกลับมาปกครองประเทศ เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว และต้องการการยอมรับจากนานาชาติอย่างเป็นทางการ เพื่อยกเลิกการคว่ำบาตรที่ส่งผลอย่างมากต่อการธนาคาร ธุรกิจ และการพัฒนา

ตาลีบันเคยสั่งห้ามปลูกดอกฝิ่นจนถึงจุดสิ้นสุดการปกครองของพวกเขาในปี 2543 โดยต้องการความถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กลับต้องเจอการตอบโต้อย่างที่ทราบกันดีหมายถึงมาตรการคว่ำบาตร และต่อมา พวกเขาได้เปลี่ยนท่าทีเป็นส่วนมาก ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้

การผลิตฝิ่นของอัฟกานิสถาน ที่สหรัฐประมาณการไว้ มีมูลค่าสูงถึง 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 47,000 ล้านบาท) ในปี 2560 ได้เพิ่มขึ้นในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สมาชิกเกษตรกรและตาลีบัน บอกกับรอยเตอร์ส

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายของประเทศ ได้กระตุ้นให้ประชากรในเขตตะวันตกเฉียงใต้ปลูกพืชผิดกฎหมายที่สร้างรายได้ที่สูงและรวดเร็ว มากกว่าการปลูกพืชถูกกฎหมาย เช่น ข้าวสาลี

แหล่งข่าวตาลีบันบอกกับรอยเตอร์ส ว่า พวกเขาคาดการณ์การคัดค้านอย่างรุนแรงจากหน่วยในกลุ่มต่อการห้ามปลูกดอกฝิ่น และมีจำนวนเกษตรกรที่เพราะปลูกดอกฝิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมากในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

เกษตรกรคนหนึ่งในจังหวัดเฮลมันด์ กล่าวว่า ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาดอกฝิ่นเพิ่มเป็นสองเท่า เนื่องจากข่าวลือเรื่องที่ตาลีบันจะห้ามปลูกดอกฝิ่น แต่เขากล่าวเพิ่มว่า เขาจำเป็นต้องปลูกดอกฝิ่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

“พืชผลผลิตอื่นมันขายไม่ได้กำไร” เขากล่าว.

เครดิตภาพ : REUTERS