สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่ากระทรวงการต่างประเทศของลิทัวเนียเผยแพร่แถลงการณ์ ประกาศการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลมอสโก ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ในยูเครน พร้อมทั้งประกาศขับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวิลนีอุส และเรียกตัวเอกอัครราชทูตลิทัวเนียประจำรัสเซีย ให้เดินทางกลับ


ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น กระทรวงพลังงานของลิทัวเนียประกาศ “ยุติความสัมพันธ์ด้านพลังงาน” ด้วยการไม่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอีก นับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป โดยจะเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งนำเข้าจากประเทศอื่นแทน แต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าคือประเทศใด

อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรป (อียู) เพิ่งบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลวอชิงตัน เกี่ยวกับการที่สหรัฐจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาแอลเอ็นจีให้แก่ยุโรป ด้วยเงื่อนไขที่สหรัฐส่งแอลเอ็นจีเพิ่มเติมอย่างน้อย 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในสิ้นปีนี้


หลังจากนั้นไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศลัตเวียประกาศ การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซียเช่นกัน แต่ยังไม่มีการกล่าวถึงการเนรเทศเอกอัครราชทูตของรัฐบาลมอสโก และการเรียกตัวเอกอัครราชทูตลัตเวียกลับจากรัสเซีย


ขณะที่ น.ส.มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวถึงกรณีของลิทัวเนีย ซึ่งเป็นประเทศแรกในยุโรป ซึ่งขับเอกอัครราชทูตรัสเซีย เพียงว่า “มาตรการตอบโต้ของรัฐบาลมอสโกจะเกิดขึ้นภายในอีกไม่ช้า”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES