งานประกาศรางวัลสำคัญทางดนตรีของสหรัฐและทั่วโลก ‘แกรมมี อวอร์ดส์’ ครั้งที่ 64 ปีนี้จัดขึ้นที่เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เดน อารีนา ในเมืองลาสเวกัส เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่ต้องเลื่อนกำหนดการมาก่อนหน้านี้เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด

‘จอห์น บาติสต์’ เจ้าของอัลบั้มชุด We Are และเพลงฮิต ‘Freedom’ คือผู้ที่กวาดรางวัลกลับบ้านมากที่สุด ได้แก่ สาขา Best Music Video จากเพลง ‘Freedom’, สาขา Best Song Written for Visual Media และ Best Score Soundtrack for Visual Media จากเพลงประกอบแอนิเมชั่นเรื่อง ‘Soul’, สาขา Best American Roots Performance และ Best American Roots Song จากเพลง ‘Cry’ และรางวัลใหญ่ที่สุดของงานคือ Album of the Year จากผลงานชุด We Are ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ ‘Black Lives Matter’ 

จอห์น บาติสต์ แชมป์ของงานผู้กวาดรางวัลแกรมมี่กลับบ้านถึง 5 สาขา

ทางด้านศิลปินดังอย่าง ‘บรูโน มาร์ส’ ในปีนี้เขาเข้าชิงในรูปของศิลปินกลุ่ม ‘ซิลค์โซนิก’ ร่วมกับ ‘แอนเดอร์สัน พาค’ พวกเขาได้รับรางวัลใหญ่ของงานคือ Record of the Year และ Song of the Year รวมถึง Best R&B Song กับ Best R&B Performance จากเพลง ‘Leave the Door Open’ 

บรูโน มาร์ส และเพื่อร่วมวง ‘ซิลค์โซนิก’ ขึ้นเวทีรับรางวัล ‘Song of the Year’

ส่วนศิลปินสาววัย 19 ปี ‘โอลิเวีย โรดริโก’ ก็เป็นอีกรายที่คว้ารางวัลใหญ่กลับบ้านในสาขา Best New Artist, Best Pop Vocal Album จากผลงานชุด Sour และ Best Pop Solo Performance จากเพลงฮิต ‘Drivers License’ ขณะที่ศิลปินฝั่งเอเชียสายเค-ป๊อปอย่าง ‘บีทีเอส’ ซึ่งเข้าชิงรางวัล Best Pop Duo/Group Performance ต้องกลับบ้านมือเปล่าท่ามกลางความเสียดายของแฟน ๆ 

โอลิเวีย โรดริโก ขณะรับรางวัล ‘Best New Artist’ จากดัว ลิปา และเมแกน ที สตัลเลียน ผู้ประกาศรางวัล

สำหรับวงร็อกชื่อดัง ‘ฟูไฟเตอร์ส’ ซึ่งเพิ่งสูญเสีย ‘ไทเลอร์ ฮอว์กินส์’ มือกลองประจำวงแบบกะทันหันนั้น ไม่ได้มาปรากฏตัวในงานตามกำหนดเดิม ทั้งนี้ทางวงได้รับรางวัลใหญ่ถึง 3 รางวัล ได้แก่ Best Rock Band, Best Rock Song จากเพลง ‘Waiting On a War’ และ Best Rock Album จากผลงานชุด ‘Medicine at Midnight 

เครดิตภาพ Reuters