สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ว่าประธานาธิบดีโกตาพญา ราชปักษา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมทั้งศรีลังกา ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เพื่อรักษาความสงบในสังคม และรักษาเสถียรภาพให้แก่ห่วงโซ่อุปทาน


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประท้วง และการจลาจลครั้งใหญ่ ในกรุงโคลัมโบ ระหว่างคืนวันพฤหัสบดีจนถึงรุ่งสางของคืนวันศุกร์ โดยเป็นการต่อต้านมาตรการจัดการนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มวลชนซึ่งเข้าร่วมมองว่า ไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างหนัก ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเคอร์ฟิวนานระยะหนึ่ง และจับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้มากกว่า 50 คน อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 20 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ


เดิมที รัฐบาลศรีลังกาประกาศตัดกระแสไฟฟ้า วันละ 10 ชั่วโมง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพิ่มอีกเป็น 13 ชั่วโมงต่อวัน และยังมีการปิดไฟตามท้องถนนในเวลากลางคืนด้วย โดยยอมรับว่า ภาครัฐยังไม่สามารถจัดหาทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มเติม ในระดับที่เพียงพอนำเข้าเชื้อเพลิง แต่ยืนยันว่า กำลังเร่งเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อขอรับความช่วยเหลือรอบใหม่

พนักงานขับจักรยานยนต์ส่งสินค้า นั่งรอเติมเชื้อเพลิง อยู่ที่สถานบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ในกรุงโคลัมโบ


ทั้งนี้ มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศของศรีลังกาลดลง 70% ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ทั่วโลกประสบกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19


ขณะเดียวกัน แน่นอนว่าภาวะขาดแคลนพลังงานยังทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นเงาตามตัว โดยอัตราเงินเฟ้อประจำเดือน มี.ค.ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น สูงแตะระดับ 18.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ภาวะราคาอาหารเฟ้อ ซึ่งหมายถึงภาวะราคาอาหารที่แพงสูงขึ้น สูงแตะระดับ 30.2%


แม้เชื้อเพลิงดีเซลจำนวนหนึ่ง ตามวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,756.50 ล้านบาท) ที่อินเดียอนุมัติเป็นการเร่งด่วนให้แก่ศรีลังกา จะเดินทางมาถึงภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แต่แทบทุกฝ่ายมองไปในทางเดียวกัน ว่าเป็นการซื้อเวลาในระยะสั้นเท่านั้น.

เครดิตภาพ : REUTERS