สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์) วันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็นเวลานานต่อเนื่อง 6 เดือน เท่ากับว่าจะมีการปล่อยน้ำมันดิบออกจากเอสพีอาร์รวมทั้งสิ้น 180 ล้านบาร์เรล


ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐเรียกร้องบรรดาผู้ผลิตน้ำมันในประเทศ ให้เพิ่มกำลังการผลิตด้วย โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถือเป็นการปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรอง ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งเป็นผลจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และรัฐบาลวอชิงตันประกาศยกระดับคว่ำบาตรรัสเซีย ด้วยการระงับนำเข้า “พลังงานทุกชนิด” จากรัสเซีย ตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้ว


อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีล้วนมองไปในทางเดียวกันว่า เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ปัจจุบัน คลังน้ำมันดิบสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงพลังงาน ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งรัฐเทกซัส รัฐลุยเซียนา และอีกหลายรัฐตามแนวชายฝั่งตะวันออกไปจนถึงตอนใต้ เก็บทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน โดยในส่วนของน้ำมันดิบมีประมาณ 605 ล้านบาร์เรล.

เครดิตภาพ : REUTERS