จากโลกออนไลน์ นำภาพประกาศของโรงเรียนเอกชนชื่อดังใน จ.สงขลา มาเผยแพร่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ครูแนะแนวในโรงเรียนที่ไปสอบบรรจุครูได้อันดับ 1 ของจังหวัดสงขลา ซึ่งควรจะได้รับคำชมเชย แต่กลับในประกาศดังกล่าว กลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม มีการระบุว่า ให้ น.ส.เอ พ้นสภาพจากการเป็นบุคลากรของโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 65 ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

วิจารณ์เดือด!สอบครูได้อันดับ 1 กลับเจอประกาศไล่ออกจากสังกัด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. น.ส.เอ พร้อมด้วย นายพงศธ สุวรรณรักษา หรือทนายพี่อาร์ม ซึ่งเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรื่องของให้มีการแก้ไขปัญหาเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีความเป็นครูให้กับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) โดยมีอาจารย์พิชิต เรืองแสงวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและการเงิน รักษาเเทนอธิการบดี ม.อ.รับหนังสือแทนอธิการที่ติดราชการ

โดยอาจารย์พิชิต กล่าวว่า​ หลังจากนี้จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อสรุปและยุติโดยเร็ว ซึ่งปัญหาเรื่องนี้อาจจะมาจากความเข้าใจไม่ตรงกันเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการทำงาน ว่ากรณีแบบนี้ในสัญญาจะต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง ซึ่งครูมองว่าไม่ผิด ก็ต้องมาดูกันว่าระเบียบที่ออกมาใช้ได้ไม่ได้​ และอยากให้จบและจากกันด้วยดี

นายพงศธ สุวรรณรักษา ทนายความของครูหญิง เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องของครูหญิงมี 4 ข้อ คือต้องการให้โรงเรียนลบโพสต์ดังกล่าว ให้โพสต์ขอโทษข้อความเป็นเท็จ ให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเพราะตอนนี้สถานะของครูหญิงคือถูกให้ออก เพราะทำผิดวินัยร้ายแรง ให้เป็นการลาออกโดยสมัครใจ และเรียกร้องค่าเสียหายที่ถูกละเมิด เพราะทางโรงเรียนทำให้เสียชื่อเสียงเพราะข้อความที่โพสต์ถูกมองว่ามีการกระทำผิดรุนแรง

ด้าน น.ส.เอ กล่าวว่า เมื่อเห็นประกาศรู้สึกตกใจมาก เพราะทำให้เสียชื่อเสียง หากอ่านแต่ประกาศเหมือนทำผิดร้ายแรง มีคำถามเกิดขึ้นว่า ไปทารุณกรรมเด็กหรือไปฉ้อโกง จึงอยากทราบเจตนาของโรงเรียนในการออกประกาศฉบับนี้ ซึ่งประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดโรงเรียนมา ทำให้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาได้ทำงานให้กับโรงเรียนอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าตนไม่ทำผิดระเบียบเพราะได้ยื่นใบลาออกถูกต้องและมีการอนุมัติเรียบร้อยก่อนที่จะมีประกาศออกตามหลังมา หลังออกไปแล้ว 10 วัน จึงต้องการให้ทางโรงเรียนลบโพสต์ออก

ส่วนกรณีที่มีกระแสออกมาว่าสาเหตุมาจากที่ทางโรงเรียนขอเพจแนะแนวคืน แต่ตนไม่ให้นั้น ความจริงแล้วเป็นเพจนี้ตนใช้แอคเคานท์เฟซบุ๊กส่วนตัวทำขึ้นมา และขออนุญาตโรงเรียนถูกต้อง และเมื่อตนลาออกทางโรงเรียนขอคืน เพราะตอนทำอยู่ตอนที่ยังเป็นบุคคลากรของโรงเรียน แต่หลังจากที่ออกมาแล้วก็ได้ปิดเพจและลบข้อมูลทั้งหมดแล้ว โดยทางโรงเรียนขอมาวันศุกร์​ และวันเสาร์โรงเรียนก็ออกประกาศนี้มา ครูหญิงยืนยันว่าหากโรงเรียนทำตามข้อเรียกร้องตนก็ยินดีจบเรื่องดีด้วยดี ตอนนี้ก็รอว่าทางโรงเรียนจะดำเนินการอย่างไร

จากนั้นทาง น.ส.เอ และทนายความ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้กับผู้บริหารโรงเรียน เพื่อขอให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ ซึ่งทางตัวแทนโรงเรียนได้รับเรื่องเอาไว้

ด้าน​ ผอ.โรงเรียน เปิดเผยว่า ยืนยันว่าการออกประกาศฉบับนี้โรงเรียนทำถูกต้องทุกอย่าง และเรื่องนี้มีประเด็นคือการให้ออกเป็นหลักของโรงเรียน​ เพราะเป็นการเสียโอกาสทางการศึกษาของนักเรียนที่ครูหายไปกลางคัน จึงเป็นที่มาของการออกประกาศ ส่วนกรณีการไปสอบเป็นข้าราชการ ทางโรงเรียนไม่เคยห้าม และเปิดโอกาสให้ครูทุกคนไปสอบ แต่ต้องลาออกก่อน ที่ผ่านมามีครูหลายคนที่สอบไม่ได้ ก็กลับมาสอนที่โรงเรียนเหมือนเดิม แต่กรณีของครูหญิงไปสอบ​ แต่ไม่ได้แจ้งเรื่องลาออกก่อน ก็ต้องดำเนินการไปตามประกาศของโรงเรียน​ ซึ่งครูทุกคนทราบและเข้าใจข้อนี้ดี ไม่เคยมีปัญหาอะไร การที่จะมาอ้างว่าไม่รู้ประกาศข้อนี้ไม่ได้

อีกประเด็นคือเรื่องประกาศของโรงเรียนฉบับนี้ ก็เพื่อต้องการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน สถาบันต่าง ๆ ที่ติดต่อกับทางโรงเรียนได้ทราบ เพราะครูแนะแนว​ ซึ่งครูหญิงรับผิดชอบอยู่จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ผ่านทางเพจของโรงเรียนเป็นหลัก​ ซึ่งหากครูหญิงออกไปก็ต้องคืนเพจให้กับทางโรงเรียน เพราะตอนทำเพจแนะแนวยังยังเป็นบุคลากรอยู่ ไม่ว่าจะใช้แอคเคานท์ส่วนตัว หรือแอคเคานท์ใดก็ตาม หลักก็ต้องคืนเพจให้โรงเรียน แต่หลังจากครูหญิงออก​ มีการลบแอดมินออก และเปลี่ยนชื่อเพจเป็นชื่อครู แต่ใช้ตราโรงเรียนอยู่ ซึ่งอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด จึงจำเป็นต้องออกประกาศชี้แจงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ว่า​ ครูหญิงพ้นสภาพ​ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนแล้ว

ผอ.โรงเรียน ยังกล่าวย้ำว่า ที่มาของการออกประกาศ​ ถ้าคุณได้ออกจากองค์กรเราไปแล้ว แต่ได้นำสิ่งของบางอย่างของโรงเรียนออกไปด้วย โรงเรียนก็มีสิทธิที่จะทวงคืน เพราะสิ่งที่นำออกไปเป็นข้อมูลสำคัญของโรงเรียน ของนักเรียน เพื่อป้องกันและรักษาผลโรงเรียนของโรงเรียน ไม่มีเจตนาหรือข้อความที่ทำให้ครูเสียชื่อเสียงเลย ขอย้ำว่า เรื่องนี้ทางโรงเรียนต้องการให้ครูส่งข้อมูลเพจทางโรงเรียนกลับมา ส่วนประเด็นอื่นก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าทำให้ทางโรงเรียนเสียหาย​ เสียชื่อเสียง​ ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย.