เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยราชภัฏ จ.ศรีสะเกษ ส.ส.ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร, ส.ส.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เลขานุการ กมธ.กีฬาฯ, ส.ส.ดร.เอกการ ซื่อทรงธรรม รอง ป.กมธ.กีฬา, ส.ส.ศุภชัย นพขำ กมธ.กีฬาฯ, ส.ส.ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ โฆษก กมธ.กีฬา, นายยุทธนา เกียรติดำเนินงาม ที่ปรึกษา ประธาน กมธ.กีฬาฯ, นายเสนีย์ มูลขำ เลขานุการประจำคณะ กมธ.กีฬาฯ และ นางฑิฆัมพร กาญจโนภาศ ผู้บัญชากลุ่มงานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร มอบเหรียญรางวัลกีฬาฟุตบอลทีมหญิง ซึ่ง ทีมจังหวัดขอนแก่นชนะเลิศการแข่งขันกีฬาในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ที่ จ.ศรีสะเกษ มีนายชนินทร์ คุ้มใหญ่โต ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ รายงานการจัดงาน
ส.ส.ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การเข้ามาดูการแข่งขันกีฬาของคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ในครั้งนี้ เป็นการติดตามดูความพร้อมและศักยภาพของการจัดมหกรรมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ “ศรีสะเกษเกมส์” ซึ่งขณะนี้ทาง จ.ศรีสะเกษ ได้ส่งไม้ต่อให้กับ จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ “กาญจนบุรีเกมส์” ครั้งที่ 48 และการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติครั้งที่ 38 “กาญจนิกาเกมส์” ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน 2566
“สิ่งที่เห็นจากการแข่งขันของ จ.ศรีสะเกษ ถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่ และเป็นสิ่งที่ลงตัวจากการจัดการแข่งขัน ต้องขอชื่มชมการบริหารจัดการของนายกสมาคมกีฬาจังหวัดศรีสะเกษและคณะกรรมการจัดการแข่งขันศรีสะเกษเกมส์ ที่สามารถจัดคณะกรรมการชุดต่างๆ ได้อย่างมีศักยภาพ ซึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้เราอยู่ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แต่ได้เห็นความมีวินัยเมื่อนักกีฬาทำการแข่งขันเรียบร้อยก็จะกลับเข้าที่พัก และการดูแลของเจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขที่มีความเข้มแข็ง ที่ประชาชนภายในจังหวัดได้ให้ความร่วมมือร่วมใจกันถือเป็นแบบอย่างที่ดีงาม”
ส.ส.ดร.บุญลือ กล่าวต่อว่า หัวใจของพัฒนาทางการกีฬาคือความมีวินัย และความอดทนในการฝึกฝนร่างกายให้มีความแข็งแรง จะเห็นว่าปัญหานักกีฬาติดโควิด แทบจะไม่มีและไม่มีผลกระทบต่อเกมการแข่งขัน แต่สิ่งที่ได้จากการแข่งขันทำให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดศรีสะเกษและข้างเคียง คึกคักมีรายได้จากการจัดการแข่งขัน ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาทุกคนและพี่น้องประชาชนคนไทยให้มีวินัย ที่ในอนาคตเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นตามกันไป