บรรยากาศหุ้นไทยวันที่ 23 มี.ค.65 ผันผวนในแดนบวกและลบ โดยปรับขึ้นจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคารรับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ และหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับขึ้นตามการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ แต่ยังมีแรงกดดันจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด หรือ 0% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 70,229.50 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 630.89 จุด เพิ่มขึ้น 14.04จุด หรือ 2.28 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7,814.36 ล้านบาท

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า ตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มผันผวน ดังนั้นนักลงทุนควรกระจายการลงทุนและหาจังหวะเข้าลงทุนในระยะยาว โดยคาดว่า หลังจากนี้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะกลับมาให้น้ำหนักต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งสะท้อนพื้นฐานการเติบโตของบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันและมีความสามารถในการกำหนดราคาสินค้าและบริการจากผู้บริโภค ส่วนนักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงสูงได้ ยังมองว่าเป็นจังหวะที่จะกลับเข้าลงทุนบางส่วนเพื่อปิดความเสี่ยงหากตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

1.ธ.กสิกรไทย  ปิดที่ 158.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

2.ซีพีออลล์ ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง -1.00 บาท

3.ปตท.สผ. ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

4.เคซีอี ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

5.อีเอ ปิดที่ 93.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท