การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” ที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ยกน้ำหนัก ชิงชัยรวม 12 ทอง ไฮไลต์อยู่ที่ รุ่น 96 กก.ชาย มีจอมพลังหนุ่ม 9 คน ลงข่งขัน ปรากฏว่า “เจ้าบอม” ศรัท สุ่มประดิษฐ จอมพลังทีมชาติไทย ดีกรีอันดับ 4 โอลิมปิกเกมส์ 2016 จากอุดรธานี โชว์พลังยกสุดแกร่ง คว้า 3 ทอง สถิติท่าสแนตช์ 150 กก. คลีนแอนด์เจิร์ก 170 กก. น้ำหนักรวม 320 กก. เหรียญเงิน ทั้ง 3 เหรียญ เป็นของ “เปียว” พรชัย ลบศรี อดีตทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทอง ซีเกมส์ 2017 จากอุดรธานี ท่าสแนตช์ 130 กก. คลีนแอนด์เจิร์ก 156 กก. และน้ำหนักรวม 286 กก. เหรียญทองแดง ท่าสแนตช์ ศราวุธ คิมสูง จากบุรีรัมย์ 122 กก. ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก วันชัย กัลเกตุ จากพิจิตร 147 กก. และน้ำหนักรวม วันชัย กัลเกตุ 263 กก.

หลังเกม “บอม” ศรัท เปิดเผยว่า พอใจสถิติและผลงานที่ทำได้ เพราะตอนซ้อมก็ซ้อมยกมาประมาณนี้ ก็ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง เพราะปีนี้มีแมตช์ใหญ่ๆ ที่รอลงสนามหลายแมตช์ ทั้งชิงแชมป์เอเชีย, เอเชี่ยนเกมส์ รวมไปถึงชิงแชมป์โลก ซึ่งเป็นการเก็บคะแนนควอลิฟายไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส

“ตอนนี้ร่างกายของผมอยู่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องของโควิด-19 รวมถึงปัญหาเรื่องโทษแบนของทีมยกน้ำหนักไทย ทำให้ไม่ได้ออกไปแข่งขันที่ไหนเลยที่ต่างประเทศเลยกว่า 3 ปี ซึ่งส่งผลให้สภาพร่างกายดร็อปลงไปเหมือนกัน มีช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่พอได้กลับมาลงสนามแข่ง ผมก็พยายามรื้อฟื้นทั้งร่างกาย และสร้างความุ่งมั่นให้กลับมาอีกครั้ง”

จอมพลังหนุ่มวัย 27 ปี เผยต่อว่า เป้าหมายของตนมองไปที่การเข้าร่วมชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส จะพยายามเก็บคะแนน และควอลิฟายสิทธิไปแข่งขันให้ได้ ส่วนรุ่นที่จะชิงชัยก็น่าจะลดน้ำหนักไปเล่นรุ่น 89 กก. ซึ่งก็น่าจะเป็นรุ่นที่มีโอกาสที่จะคว้าเหรียญมากที่สุด ส่วนเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่จีน หวังว่าจะทำผลงานให้ดีที่สุดเช่นกัน ส่วนจะได้เหรียญหรือไม่ได้นั้นต้องรอดูกันอีกครั้ง

ทางด้านทีมนักกีฬาจากกรุงเทพฯ สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นเจ้าเหรียญทอง สมัยที่ 29 หลังเก็บไปแล้ว 133 ทอง 98 เงิน 110 ทองแดง ทิ้งห่าง ชลบุรี เกือบ 90 ทอง ขณะที่เหลืออยู่แค่ 45 ทอง เท่านั้น ใน 2 วันสุดท้ายของการแข่งขัน

ว่าที่ ร.ต.วิโรจน์ อ่อนโก้ก รองหัวหน้าคณะนักกีฬากรุงเทพฯ เผยว่า ผลงานของนักกีฬาเมืองกรุง ทำได้เกินเป้าหมายจากที่คิดเอาไว้เพราะตอนแรกกังวลเรื่องของโควิด-19 จึงตั้งเป้าไว้ที่ราวๆ 100 เหรียญเท่านั้น แต่หลังจากแข่งไป ปรากฏว่า มีนักกีฬาติดโควิด ต้องถอนตัวแค่ราวๆ 3-4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น บวกกับจังหวัดอื่นๆ ก็เจอโควิด-19 เล่นงานพอๆ กัน ทำให้จำนวนเหรียญเกินกว่าที่คาดเอาไว้ ส่วนเงินอัดฉีดมีให้กับนักกีฬาที่คว้าเหรียญอย่างแน่นอน แต่คงต้องไปดูเรื่องของระเบียบและงบประมาณในการอัดฉีดอีกครั้ง จึงจะยืนยันตัวเลขที่ถูกต้องได้

“ครั้งนี้มีชนิดกีฬาที่ทำผลงานได้ตามเป้าอย่างเช่น ว่ายน้ำ, กรีฑา ที่โกยเหรียญให้กับ กทม.ได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วยังมีกีฬาที่เกินคาดอย่าง ยิงปืนรณยุทธ์และยิงปืน ที่คว้ามาได้หลายเหรียญเช่นกัน แต่น่าเสียดายอย่าง ฟุตซอลหญิงและฟุตบอลหญิง ที่คิดว่าจะได้เหรียญทองแน่ๆ ก็มาพลาดเพราะต้องถอนทีมเนื่องจากโควิด-19”