เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยถึงกรณีเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกในจีน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และล่าสุดทางสายการบินได้สั่งระงับใช้งานเครื่องบินดังกล่าวจำนวน 106 ลำเป็นการชั่วคราวว่า ภายในสัปดาห์นี้ กพท. จะทำหนังสือแจ้งไปยัง 5 สายการบินของไทย ที่ปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ให้ดำเนินการตรวจสอบ เฝ้าระวังและติดตามการปฏิบัติการบินอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติให้แจ้งมายัง กพท.

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันมีสายการบินในไทย 5 ราย ที่ปฏิบัติการบินโดยใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 รวมทั้งสิ้น 39 ลำ แบ่งเป็น สายการบินนกแอร์ 14 ลำ, ไทยไลอ้อนแอร์ 7 ลำ, เค-ไมล์ 2 ลำ, การบินไทย 2 ลำ และไทย ซัมเมอร์ แอร์เวย์ 1 ลำ อย่างไรก็ตาม กพท.กำลังตรวจสอบและติดตามผลการสอบสวนสาเหตุอย่างใกล้ชิด ซึ่งปกติเครื่องบินทุกลำที่ปฏิบัติการบินจะตัองมี C of A หรือ Certificate of Airworthiness หรือใบรับรองความสมควรเดินอากาศ ซึ่งมีอายุ 3 ปี และต้องตรวจสอบใหม่ตลอดเวลา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า แต่ในกรณีนี้อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งต้องอาศัยผลการตรวจสอบอย่างละเอียดของบริษัทผู้ผลิต แต่เนื่องจากรุ่นนี้ไม่ใช่ B737 Max ที่เคยมีปัญหา และอากาศยานแบบนี้มีการใช้งานในตลาดมานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงไม่น่าจะเกิดจากสาเหตุทางเทคนิคที่มาจากการออกแบบ หรือฝึกอบรมนักบินไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับกรณีของ B737 Max เพราะหากเป็นเช่นนั้นต้องพบปัญหามานานแล้ว ไม่น่าจะอยู่ในตลาดต่อเนื่องมาได้นานขนาดนี้ ซึ่งเรื่องนี้ในที่สุดอาจจะเป็นปัญหาทางเทคนิค ที่อาจจะเพิ่งส่งผลก็เป็นได้ จึงต้องรอผลการตรวจสอบดังกล่าว และขณะนี้ยังไม่มีนโยบายห้ามอากาศยานรุ่นดังกล่าวปฏิบัติการบิน จนกว่าจะมีผลที่ชัดเจนว่าอาจจะมีความไม่ปลอดภัย.