พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ สวนเบญจกิติ โดยเป็นความร่วมมือในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าชนิด AC Normal Charger ขนาด 22 kW หัวชาร์จ AC Type 2 จำนวน 2 เครื่อง เพื่อรองรับการใช้งานแก่ประชาชน โดยในช่วงต้นนี้ MEA จะยังไม่มีคิดค่าบริการในการอัดประจุแต่อย่างใด สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญ และเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาล มุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร ได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดมลพิษทางอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต้องการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low carbon Society) และได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง เป็นผู้ประสานงานและนำร่องโครงการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สวนสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสวนป่า “เบญจกิติ” เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่พักผ่อนของคนเมืองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง

โดยกรุงเทพมหานครได้รับมอบให้เป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาและบริหารจัดการ และในแต่ละวัน จะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งในวันจันทร์–ศุกร์ มีผู้ใช้บริการโดยเฉลี่ยประมาณ 4,000 คน/วัน และในวันหยุดมีผู้ใช้บริการมากกว่า 10,000 คน/วัน ซึ่งกิจกรรมที่ผู้มาใช้บริการนิยมทำ ได้แก่ การออกกำลังกาย การถ่ายภาพ และการศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งเหมาะที่จะเป็นพื้นที่นำร่องโครงการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและการไฟฟ้านครหลวง เพื่อตอบสนองนโยบายและร่วมกันผลักดันให้ประชาชนผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสะดวก สามารถค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) รวมถึงสั่งจองสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) หรือหัวจ่ายประจุไฟฟ้าล่วงหน้าผ่านแอพพลิเคชั่นได้ โดยสวนป่าเบญจกิติ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-20.00 น.

ประชาชนสามารถเข้ามาชาร์จไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าวได้ และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการส่งเสริมการพัฒนาสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้าแบบสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้งาน ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนยานพาหนะมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และจะขยายวงกว้างไปยังสวนสาธารณะ ลานจอดรถ และสถานที่ราชการอื่น ๆ ตามลำดับ เพื่อให้ครอบคลุมทุกการเดินทางของผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครต่อไป

รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้นำการขับเคลื่อนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง MEA ครบรอบ 10 ปี EV มุ่งมั่นขับเคลื่อน วิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับการใช้ยานยนต์พลังไฟฟ้า ทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคตอันใกล้นี้ ภายใต้โครงการ “มหานครสดใส ชาร์จไฟกับ กฟน.” ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 100 หัวชาร์จ และขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ให้มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้งานหัวชาร์จ MEA EV ที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้บริการหัวชาร์จที่สะดวกผ่าน MEA EV Application

ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 22 สถานีชาร์จ ที่ทำการไฟฟ้านครหลวงเขตต่าง ๆ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และที่บริเวณ 7-Eleven สาขาบ้านสวนลาซาล (ศรีนครินทร์) และ สาขา สน.บางขุนนนท์ และจะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV แล้วเสร็จครบทุกจุดในเดือนธันวาคม 2565 นี้ ทั้งนี้ MEA ในฐานะหน่วยงานที่ขับเคลื่อนตามแผนงานด้านพลังงานของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินนโยบายในด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการติดตั้งและพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ MEA พร้อมเชื่อมต่อ Platform ระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ วิเคราะห์ข้อมูลการชาร์จ และเชื่อมต่อกับ MEA EV Application รองรับการใช้งานและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด MEA EV Application ได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ได้ที่ https://onelink.to/meaev

สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจใช้บริการออกแบบและติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยของ MEA สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ MEA Call Center 1130 รวมถึงแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter : @mea_news, และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง