ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับมูลนิธิรวมพัฒน์ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน” โดยมี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. และนายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ครั้งนี้ ณ ห้องประชุมคิงส์ตัน ชั้น 5 โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผลักดันและการพัฒนาด้านเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เคยใช้ นำกลับมาใช้ในการเป็นตัวกลางขับเคลื่อนร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อหาจุดนำร่อง ที่สามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยีบล็อคเชนเข้าด้วยกัน จนทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว และมีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยศอ.บต.จะเป็นศูนย์กลางในการประสาน ทุกภาคส่วนรวมถึงภาคเอกชน ผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สามารถเชื่อมโยงได้อย่างเป็นระบบ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือเหล่านี้จะเป็นการวางรากฐาน เพื่อเปิดพื้นที่ เปิดโอกาสในการทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน


ด้านประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ กล่าวด้วยว่า จังหวัดชายแดนใต้ เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและมีสินทรัพย์พร้อมใช้งาน หรืออาจเรียกว่าเป็น Utility ที่มีมูลค่ามากกว่า 400,000 ล้านบาท อีกทั้งยังประกอบไปด้วยประชาชนซึ่งนับเป็นสมาชิก ในระบบ อันเป็นทั้งผู้ใช้และผู้ผลิตในตัวเองอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาต้องพึ่งพาการพัฒนาเศรษฐกิจจากภายนอก จนทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนภายในขาดความเข้มแข็ง ในวันนี้ตนจึงอยากให้ประชาชนกว่า 3.5 ล้านคน ลุกขึ้นมาจับกลุ่มเชื่อมโยงกันโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเครื่องมือ ในการสร้างเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Utility Token พร้อมใช้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นจากภายในชาวจังหวัดชายแดนใต้ด้วยกันเอง โดยทางมูลนิธิรวมพัฒน์ จะร่วมกับ ศอ.บต. สนับสนุนดำเนินการศึกษา เพื่อสร้าง Tokenomic ที่มีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม และถูกต้องตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศต่อไป

 
สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นจะเป็นการนำเทคโนโลยีบล็อคเชน ที่เป็นหน่วยการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลที่ไม่ผ่านตัวกลาง และสินทรัพย์พร้อมใช้งานที่มีอยู่ในจังหวัดชายแดนใต้ สามารถสร้างเศรษฐกิจได้มูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วนทำให้เกิดวัฏจักรของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มั่นคงและยั่งยืน เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด ที่ทำให้ปริมาณเงินที่เคยเข้ามาจากต่างชาติลดลงจากระบบเศรษฐกิจชายแดนใต้ ตลอดจนวิกฤติหนี้ที่เพิ่มสูงก่อให้เกิดการฝืดเคืองของเงินในระบบ ซึ่งเป็นสาเหตุของสภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ศอ.บต. และมูลนิธิรวมพัฒน์ จึงได้มีแนวคิดที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดนใต้ ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและสร้างสภาพคล่องให้เกิดการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนในระบบด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจที่มีอยู่ให้เกิดการเพิ่มการกระจายรายได้ให้ทั่วถึงผู้คนในท้องถิ่นกว่า 3.5 ล้านคน โดยมุ่งหวังจะให้เกิดต้นแบบ การพัฒนาเศรษฐกิจในเชิงกายภาพด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกต้องและเหมาะสมเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจนี้เกิดมูลค่าแท้จริง อันจะนำมาซึ่งระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่มีผู้ผลิตและผู้ใช้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนในระบบนิเวศน์ของระบบเศรษฐกิจนี้เป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนและเพิ่มมูลค่าในตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม