เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ห้องประชุมคิงส์ตัน ชั้น 5 โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน” ทั้งนี้เพื่อเป็นการนำเอาสินทรัพย์พร้อมใช้งานที่มีอยู่ในจังหวัดชายแดนใต้ จนสามารถสร้างเศรษฐกิจได้มูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาทต่อปี ในอดีตที่ผ่านมา แต่เนื่องจากทั้งวิกฤตการณ์โรคระบาดที่ทำให้ปริมาณเงินที่เคยเข้ามาจากต่างชาติลดลงจากระบบเศรษฐกิจชายแดนใต้ ตลอดจนวิกฤติหนี้ที่เพิ่มสูงอย่างมากในระบบเศรษฐกิจโลกจนก่อให้เกิดการฝืดเคืองของเงินในระบบ อันทำให้เป็นสาเหตุของสภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ทั้งนี้ทาง ศอ.บต. และ มูลนิธิรวมพัฒน์ จึงได้มีแนวคิดที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดนใต้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและสร้างสภาพคล่องให้เกิดการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนในระบบด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจที่มีอยู่เกือบ 400,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการเพิ่มและกระจายรายได้ให้ทั่วถึงผู้คนในท้องถิ่นกว่า 3.5 ล้านคน

โดย พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการเร่งนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการบริหารราชการของทุกส่วนราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์และความสุขต่อประชาชน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุษย์และการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ศอ.บต. โดยตรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อมั่นว่าการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้ในวันนี้ จะเป็นการวางรากฐานการทำงานที่สำคัญของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการนำศักยภาพของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เข้ามามีบทบาทต่อการบริหารพื้นที่ในทุกมิติ เป็นการ “เปิดพื้นที่” เปิดโอกาสครั้งสำคัญที่สุดและจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน พร้อมนี้ ตนจะได้รายงานการทำงานไปยัง กพต. ต่อไปด้วย

ทั้งนี้ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ และ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า จังหวัดชายแดนใต้ เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจพร้อมทั้งสินทรัพย์พร้อมใช้งาน หรืออาจเรียกว่าเป็น Utility พร้อมใช้ ที่มีมูลค่ามากกว่า 400,000 ล้านบาท อีกทั้งยังประกอบไปด้วยประชาชนซึ่งนับเป็นสมาชิกในระบบ อันเป็นทั้งผู้ใช้และผู้ผลิตในตัวเองอยู่แล้ว กว่า 3.5 ล้านคน แต่ที่ผ่านมาต้องพึ่งพา การพัฒนาเศรษฐกิจจากภายนอก จนทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนภายในขาดความเข้มแข็ง ในวันนี้ตนจึงอยากให้ ผู้คนกว่า 3.5 ล้านคนนี้ ลุกขึ้นมาจับกลุ่มเชื่อมโยงกันโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเครื่องมือ ในการสร้างเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Utility Token พร้อมใช้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นจากภายในชาวจังหวัดชายแดนใต้ด้วยกันเอง โดยตนเองพร้อมร่วมกับ ศอ.บต. เพื่อสนับสนุนดำเนินการศึกษาเพื่อสร้าง Tokenomic ที่มีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม และถูกต้องตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศต่อไป.