นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้วิกฤติปุ๋ยราคาแพง เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน กระทรวงพาณิชย์ได้ทำโครงการลดราคาปุ๋ย โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณเลย แต่ขณะนี้มีวิกฤติเข้ามาซ้ำและกระทรวงพาณิชย์อยู่ปลายน้ำ จึงต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่เช่นนั้น ราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น จะยิ่งซ้ำเติมพี่น้องเกษตรกร ให้เดือดร้อนมากขึ้น
“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีให้กับเกษตรกร โดยขอความร่วมมือผู้ผลิต ผู้ค้าให้ช่วยลดราคาขายให้ โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณเลย ประกอบกับ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งเดินหน้าลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ จะต้องเดินหน้าโครงการต่อเป็นปีที่ 3 และได้ทำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. ขออนุมัติงบกลางมาดำเนินโครงการมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 64 แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กลับมีความเห็นแย้ง”
ทั้งนี้ สำนักงบฯ บอกว่าไม่ใช่หน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ที่จะลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร เป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งๆ ที่นายกฯสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ จึงประสานให้กระทรวงเกษตรฯ เสนอตามข้อแนะนำสำนักงบฯ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯได้เสนอไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรพเงินจากสำนักงบประมาณแต่อย่างใด ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาใช้งบเงินกู้ แต่สภาพัฒน์ก็แย้งว่า การขอใช้เงินชดเชยในเรื่องปุ๋ยไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับจุดประสงค์ของการใช้งบเงินกู้ ดังนั้น รมว.พาณิชย์ จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อนายกฯ เพื่อให้หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
“ในแต่ละปีไทยต้องนำเข้าแม่ปุ๋ยสำคัญๆ จำนวนมาก เพราะไทยไม่สามารถผลิตได้เอง โดยนำเข้าจากจีนมากที่สุด สัดส่วน 22.5% ตามด้วยซาอุดีอาระเบีย 14.6%, มาเลเซีย 8.8% และรัสเซีย 7.7% และล่าสุด รัสเซียห้ามการส่งออกปุ๋ยแล้ว จึงยิ่งกดดันให้ปริมาณในตลาดโลกน้อยลง และผลักดันให้ราคาสูงขึ้นอีก”
ส่วนกรณีสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย มีหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับราคาขายปุ๋ยเคมี เพราะต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้นสูงมาก ทั้งราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศนั้น นายจุรินทร์ได้สั่งการให้ประเมินข้อมูลต้นทุนและราคาก่อน โดยจะปรับขึ้นหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี โดยคำนึงถึงต้นทุนวัตถุดิบ ผลกระทบต่อพี่น้องเกษตร และผลกระทบ ควบคู่กันไป