เมื่อวันที่ 14 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ไต่สวน กรณี ส.ส. และอดีตผู้บริหารพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอาจเข้าข่ายถูกชี้นำหรือครอบงำตามมาตรา 28 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ และหาก กกต. วินิจฉัยว่าฝ่าฝืน ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 92 (3) อันเป็นเหตุให้ถูกพรรคการเมืองนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ต่อไป

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่สื่อมวลชนได้รายงานว่า มีอดีตผู้บริหารและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ราว 6-7 คน ในพื้นที่อีสาน นำโดยนายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำพรรคเพื่อไทยภาคอีสานและอดีตรอง หน.พรรคเพื่อไทย, นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี และประธาน ส.ส.อีสาน และนางสมหญิง บัวบุตร ส.ส.อำนาจเจริญ เป็นต้น เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมาประเทศสิงคโปร์ในช่วง 6-12 มี.ค. 65 ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนเป็นอย่างมากถึงความเหมาะสมในการไปพบปะกันดังกล่าว เนื่องจากนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนักโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายคดี และหนีไปอยู่ต่างประเทศหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งชอบที่ตัวแทนของประชาชนควรที่จะชี้เบาะแสให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนำตัวมาลงโทษตามกบิลเมืองมากกว่าที่จะไปพบปะคบค้าสมาคมด้วย

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า นอกจากนั้น ยังมีนักธุรกิจโรงสีใหญ่ใน อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งเป็นพี่ชาย ส.ส.เพื่อไทย จ.ยโสธร และเป็นเพื่อนของอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าไปคุกเข่า พนมมือ ยกมือไหว้นายทักษิณ ซึ่งนักธุรกิจคนดังกล่าวมีกระแสข่าวว่าต้องการที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไรก็ตาม การที่นักธุรกิจคนดังกล่าวอ้างว่าเดินทางไปพบปะพูดคุย ธรรมดาสังคมไม่เชื่อ รวมถึงที่อ้างว่าจองตั๋วล่วงหน้าไปเป็นปีซึ่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญคือมีการนัดแนะพบปะกันล่วงหน้า ประกอบกับก่อนหน้านี้มีการวิดีโอคอลกับนายเกรียง ในงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อหลายเดือนก่อน จึงถือว่าเป็นกรณีที่เชื่อมโยงกับกรณีที่ก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นร้องให้ตรวจสอบคลิปการวีดีโอคอลในงานเลี้ยงวันเกิดของนายเกรียง และ กกต. ได้ให้ตนมาให้ข้อมูลแล้ว แม้ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ แต่พฤติการณ์และการกระทำของพรรคเพื่อไทยยังเป็นเช่นเดิม คือให้นายทักษิณ ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคเข้าชี้นำ ครอบงำ ซึ่งถ้าหาก กกต. รับเรื่องไป และวินิจฉัยว่ามีความผิด ก็จะมีโทษถึงขั้นยุบพรรค

“ไม่ใช่เฉพาะผมไม่เชื่อว่าเป็นการพบปะกันโดยบังเอิญ แต่คนไทยทั้งประเทศซึ่งไม่ได้กินแกลบ กินหญ้า คงไม่เชื่อว่าเป็นการพบกันโดยบังเอิญ เพราะเรื่องเหล่านี้สามารถนัดหมายกันได้อยู่แล้ว แน่จริงให้เอาเบอร์โทรศัพท์มาโชว์ว่าเมื่อ 1-2 เดือนก่อนหน้านี้ คุณได้คุยโทรศัพท์ไปต่างประเทศ ไปดูไบหรือไม่” 

นายศรีสุวรรณยังกล่าวอีกว่า คงจะไม่นำเรื่องนี้ไปร้องต่อกรรมาธิการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร เพราะเคยร้องกรรมาธิการจริยธรรม กับ ส.ส.หลายคน แต่ไม่ได้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะ ส.ส. ด้วยกัน การทำงานอาจจะลูบหน้า ปะจมูก ไม่กล้าที่จะลงโทษใด ๆ ทั้งที่ความผิดของ ส.ส. ที่ตนร้องไป เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เอาผิดเรื่องจริยธรรมโดยตรง กลับมีการเอาผิดและเสนอลงโทษ ส.ส. ไปหลายคนแล้ว ผิดกับคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาฯที่ไม่มีผลงานอะไรเลย ตนจึงไม่ให้ความสนใจกับคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาฯ ชุดนี้อีกต่อไป