สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลงพื้นที่เขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้นำจีนและคณะโดยสารเครื่องบินไปลงจอดที่เมืองหลินจือ ซึ่งอยู่ในทิเบตเช่นกัน จากนั้นเดินทางด้วยขบวนรถไฟไปยังเมืองลาซา ซึ่งเป็นเมืองเอกและเมืองใหญ่ที่สุดของทิเบต
สำหรับภารกิจในเมืองลาซาของผู้นำจีนและคณะ รวมถึงการเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่หลายแห่ง การเยี่ยมชมพระราชวังโปตาลา และจัตุรัสใหญ่กลางเมืองลาซา ตลอดจน "การสังเกตการณ์กิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง" 
แม้สีเคยลงพื้นที่ในทิเบตมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2554 แต่ในเวลานั้นเป็นการเยือนในฐานะรองประธานาธิบดี การเดินทางมายังทิเบตในครั้งนี้ จึงถือเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการของสี ในฐานะประธานาธิบดีและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์
RFATibetan
อนึ่ง ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 70 ปี "การปลดปล่อยทิเบตอย่างสันติ" โดยพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อปี 2494 จวบจนถึงปัจจุบัน ประเด็นเกี่ยวกับทิเบตถือเป็น "เรื่องละเอียดอ่อนมาก" ในทางการเมืองและสังคมของจีน และรัฐบาลปักกิ่งมักแสดงความไม่พอใจอย่างตรงไปตรงมา เมื่อสหรัฐและกลุ่มประเทศตะวันตก "แสดงความคิดเห็น" เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกระบวนการเฟ้นหาบุคคลสืบทอดตำแหน่งดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต
South China Morning Post
นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ สีให้ความเห็นเกี่ยวกับ "การกำกับดูแลด้านการปกครองในอนาคต" ต่อเขตปกครองตนเองทิเบต โดยผู้นำจีนเน้นประเด็น "ความมั่นคงตามแนวพรมแดน" ทั้งการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยในแนวหน้า ซึ่งหมายถึงพรมแดนบางส่วนทางตะวันตกซึ่งติดกับอินเดีย และยังกล่าวถึง "ความจำเป็น" ในการยกระดับ "การศึกษาเชิงอุดมการณ์" เพื่อให้ภูมิภาคแห่งนี้ก้าวข้าม "อดีตที่ต้องอยู่ภายใต้ระบบศักดินา" และเพื่อ "ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความรักชาติตามแนวทางสังคมนิยมสมัยใหม่" ให้แก่เยาวชนทิเบต.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES