เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่พวกเราทุกคนรวมทั้งบุคลากรการแพทย์ต้องร่วมใจกันต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 แม้ว่าตอนนี้โลกได้ถูกเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของการปรับตัวและอยู่ร่วมกับโรคนี้ให้ได้ ภารกิจของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อส่งต่อการให้ไม่สิ้นสุด เคียงข้างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยว่า “พันธกิจของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังคงทำหน้าที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเสมอมา ยิ่งในช่วงวิกฤติตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ที่ต้องช่วยระดมทุนเพื่อให้คณะฯ สามารถรับมือกับโรคระบาดใหม่โควิด-19 ได้ทันเวลา เราก็ยังคงต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคอื่น ๆ และโครงการระดมทุนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เครื่องมือแพทย์จำนวนมาก เช่น เครื่องช่วยใส่ท่อหายใจ เครื่องผลิตออกซิเจนเครื่องติดตามสัญญาณชีพขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อที่ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยวิกฤติโควิดในห้องความดันลบ ได้รับการจัดซื้ออย่างทันท่วงที รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์และหลักสูตรต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาด เช่น หุ่นสาธิตเพื่อจำลองการรักษาโรค การพัฒนาระบบปลอดเชื้อภายในพื้นที่โรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยมารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย ระบบ Telemedicine การรักษาทางไกลได้ถูกจัดตั้งขึ้น ซึ่งส่วนนี้ใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งใหญ่ เพราะได้ช่วยทั้งผู้ป่วย และบุคลากรการแพทย์ วิถีการใช้ชีวิตและทัศนคติของคนในสังคมยุคหลังโควิด-19 เปลี่ยนไป มูลนิธิฯ จึงได้มุ่งพัฒนาช่องทางช่องการบริจาคในแบบออนไลน์จะได้รับการพัฒนามากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาค และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริจาคด้วยการดำเนินงานอย่างโปร่งใสอย่างที่ยึดถือมาโดยตลอด”

นอกจากผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แล้ว ยังมีนักศึกษาที่มีปัญหาด้านทุนทรัพย์ เนื่องจากผู้ปกครองตกงานหรือมีรายได้ลดลง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ให้ทุนการศึกษาจำนวน 377 ทุน แก่นักศึกษาทุกหลักสูตร ทุกชั้นปีผ่านโครงการทุนการศึกษารามาธิบดี โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน นับเป็นความภาคภูมิใจของมูลนิธิรามาธิบดีฯ อย่างมาก เพราะโครงการนี้ทางคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ขยายขอบเขตการช่วยเหลือจากเดิมคือ ผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปสู่ผู้คนด้อยโอกาสที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศผ่านการช่วยเหลือของ “โรงพยาบาลชุมชน” เพื่อช่วยสร้างรายได้และช่วยเหลือเรื่องสุขภาพให้คนในชุมชนพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

นอกจากนี้ในปีนี้ยังมีโครงการใหม่ชื่อว่า “โครงการนวัตกรรมการแพทย์เพื่อผู้สูงวัยและผู้ป่วยระยะท้าย” เพื่อเตรียมพร้อมในการรองรับ “สังคมแห่งผู้สูงวัย” เพื่อการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร และดูแลทุกชีวิตให้มีคุณภาพ ที่ดีจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โครงการนี้เป็นการนำนวัตกรรมการแพทย์เข้ามาดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระยะท้าย และผู้ป่วยแบบประคับประคองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี พัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมที่นำไปสู่การสร้างศูนย์ต้นแบบการดูแล สุขภาวะผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกอบรมบุคลากร อาสาสมัคร และผู้ดูแลให้มีความรู้ ความชำนาญในการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายอย่างเป็นระบบ โดยขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการปี 2567 โดยประมาณการใช้งบประมาณอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท และยังขาดแคลนงบประมาณอีกจำนวน 770 ล้านบาท เมื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลผู้ป่วยได้รวม 2,800 ราย/ปี รองรับผู้ป่วยใน 178 เตียง แบ่งเป็น ผู้ป่วยสมองเสื่อม ผู้ป่วยพักฟื้นที่ต้องการฟื้นฟูสภาพ ผู้ป่วยระยะท้ายที่มีอาการเฉียบพลันที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ จำนวนเตียงรวม 106 เตียง หรือคิดเป็นผู้ป่วย 2,500 ราย/ปี และผู้ป่วยระยะท้ายทั้งเด็กและผู้ใหญ่โรคอื่น ๆ จำนวน 72 เตียง คิดเป็นผู้ป่วย 300 ราย/ปี

ในส่วนของความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ในฐานะสะพานบุญ มีความยินดีอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับหลายองค์กรในการเพิ่มโอกาสในการระดมทุนและส่งต่อการให้ ซึ่งในปีนี้จะมีโครงการที่ร่วมกับร้านอาหารหลายแห่ง ในแคมเปญจานอิ่มใจ ที่จะเปิดตัวปลายมีนาคมนี้ ด้านของที่ระลึกการกุศล มูลนิธิตั้งใจจัดทำเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญและเป็นเจ้าของ หรือนำไปมอบเป็นของขวัญแก่บุคคลที่รักในโอกาสต่าง ๆ เพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ และจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ที่ผ่านมาผู้บริจาครุ่นใหม่สนใจและให้การสนับสนุนอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับมาจากศิลปินและดีไซเนอร์จิตอาสาอย่างต่อเนื่อง เช่น “ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ “ครูปาน” สมนึก คลังนอก “แป้ง” ภัทรีดา – “นวล” นวลตอง ประสานทอง กลุ่มแบรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดัง ภาพวาดจากศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือใหม่กับแบรนด์คาแรคเตอร์ต่างประเทศ เช่น สนู้ปปี้ และไลน์เฟรนด์ เป็นต้น

“จากวิกฤติโควิด-19 นับเป็นประสบการณ์ใหม่ในการทำงานที่ต้องตั้งรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้บุคลากรของมูลนิธิฯ สามารถปรับตัว และทำงานได้บนภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ เพราะเรามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นที่พึ่งของคนไทยในยามลำบาก และในนามมูลนิธิรามาธิบดีฯ ขอขอบคุณทุกน้ำใจของผู้ให้ทุกคน ทั้งประชาชน องค์กรต่าง ๆ จากภาคเอกชน ภาครัฐที่ส่งต่อมาอย่างไม่สิ้นสุด

การให้นี้ได้สร้างความสุขให้แก่ทั้งผู้รับ และผู้ให้ ตอกย้ำถึงความหมาย คำว่าให้…ไม่สิ้นสุด ที่สื่อสารมาโดยตลอดกว่า 10 ปี ซึ่งหวังว่าทุกคนจะมีความสุขจากการให้…ไม่สิ้นสุดไปด้วยกัน ” นางสาวพรรณสิรี กล่าวทิ้งท้าย