นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ไลน์ ได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ ภายใต้ ไลน์ คอนซูเมอร์ บิสิเนส เพื่อรองรับการเติบโตและ เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะจัดแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจด้านครีเอเตอร์ หรือ ไลน์ ครีเอเตอร์ บิสิเนส และกลุ่มธุรกิจภายใต้การโทรฯ ด้วยเสียง หรือ คอนซูเมอร์ โปรดักต์ แอนด์ เซล มาร์เก็ตติ้ง โดยในกลุ่มธุรกิจด้านครีเอเตอร์ จะมุ่งผลักดัน ครีเอเตอร์ หรือ นักออกแบบสติกเกอร์ของไลน์ นำสติกเกอร์ไปต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ เช่น สินค้าลิขสิทธิ์ต่างๆ และ สินทรัพย์ดิจิทัล เอ็นเอฟที และเมตาเวิร์ส ฯลฯ

โดยจะมีการจัดตั้ง ไลน์ ครีเอเตอร์ อคาเดมี่ เพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับตลาด เอ็นเอฟที เพื่อให้สร้างสรรค์ งานรองรับตลาดเอ็นเอฟที นอกจากนี้จะมีการจับมือกับพันธมิตรที่เป็น เอ็นเอฟที มาร์เก็ตเพลส ชั้นนำ อาทิ อีสท์ เอ็นเอฟที, บิทคับ เอ็นเอฟที คอรัล บาย กสิกร เอ็กซ์ ฯลฯ โดยปัจจุบันไลน์ มีครีเอเตอร์จำนวน 1 ล้านราย โดขึ้น  35%   จากปี 64 และมีสติกเกอร์วางขายกว่า 5.3  ล้านชุด

นายนรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ กลุ่มธุรกิจภายใต้การโทรด้วยเสียง จะเน้นในไลน์เมโลดี้ หรือ เสียงรอสายเมื่อโทรฯ ผ่านไลน์คอล ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานต่อเดือนถึง 2.2 ล้านคน โตขึ้น 600% จาก ม.ค.65 โดยมีคลังเพลงมากกว่า 3.8 หมื่นเพลง จาก 43 พันธมิตรค่ายเพลง โดยจะมีการจัดอันดับเพลงยอดนิยม และเป็นกำลังใจแก่ศิลปิน รวมถึงเปิดฟีเจอร์ใหม่ ที่สามารถระบุเสียงรอสายได้ตามรายชื่อเพื่อนในไลน์ นอกจากนี้ธุรกิจไลน์ดูดวงและแก้บน ก็มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 3  ล้านรายต่อวัน ครอบคลุมบริการ ขอพร แก้บน ตักบาตร แก้ชง ฯลฯ โดยเฉพาะการขอพร แก้บนที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ การแก้บนกับหลวงพ่อทันใจ โดยต่อจากนี้ จะพัฒนาบริการด้วยการจับมือกับหมอดูชื่อดังต่างๆ มากยิ่งขึ้น ด้วยการจองเวลา จ่ายเงิน และเข้ารับบริการผ่าน วิดีโอคอล ได้บนแพลตฟอร์มเดียว

“การปรับโครงสร้างธุรกิจ จะช่วยขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์คนไทย ให้สามารถนำผลงานไปต่อยอดในแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ในระดับสากล รับการเติบโตของวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ได้” นายนรสิทธิ์ กล่าว