จากสังคมผู้สูงวัยที่กำลังจะเป็นปัญหาในอนาคตของไทย ทำให้คนไทยจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือวัยเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีเงินไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ และลดภาระด้านงบประมาณของภาครัฐที่จะต้องนำมาดูแล
ในเรื่องนี้ “วีระพล บดีรัฐ” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย ได้เปิดข้อมูลว่า จากสถิติเด็กไทยเกิดใหม่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เพียง 544,570 คนในปี 2564 (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัญหาสังคมสูงวัยในไทยน่าเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการเงินที่มีความไม่มั่นคงในชีวิตหลังเกษียณ
เนื่องจากขาดแคลนประชากรวัยทำงาน ทำให้สวัสดิการของรัฐอาจมีไม่เพียงพอ ผู้สูงอายุไม่มีลูกหลานให้พึ่งพา อีกทั้งอายุขัยเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งค่าดูแลสุขภาพที่อาจเพิ่มขึ้น 100% ในอีกประมาณ 30 ปีข้างหน้า (ข้อมูลจากสถาบันเพื่อสุขภาพตัวชี้วัดและการประเมินผล IHME) และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อเฉลี่ย 3% ต่อปี
K WEALTH มีคำแนะนำให้คนไทยเตรียมตัวรับมือวัยเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนี้
1.เช็กสิทธิพื้นฐาน ได้แก่ บัตรทอง (สปสช.) ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ สำหรับค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยบำเหน็จ/บำนาญชราภาพ (ประกันสังคม) เป็นเงินใช้หลังเกษียณ โดยดูว่าเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ หากไม่เพียงพอ ต้องเสริมด้วยการเก็บเงินให้ตัวเอง
2.สามารถพิจารณาประกันชีวิต และประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความคุ้มครองค่าดูแลค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่มากกว่าสิทธิพื้นฐาน ให้สอดคล้องกับความต้องการ โดยเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองและคุณภาพการรักษา
3.เตรียมเงินใช้หลังเกษียณเพิ่มเติมด้วยการลงทุน ทั้งในกองทุน หุ้น กองทุนลดหย่อนภาษี ประกันชีวิต ประกันแบบบำนาญ และสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ อาทิ ทองคำ น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ REIT ซึ่งสามารถจัดสรรสัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน
“ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการออมเพื่อเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายวัยเกษียณ ควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งเงินที่ต้องการใช้จ่ายช่วงเวลาเกษียณ ระยะเวลาที่มีก่อนถึงวันเกษียณ วางแผน และเริ่มลงมือ เพื่อให้มั่นใจว่าจะเข้าสู่วัยเกษียณโดยไม่ต้องกังวล นอกจากนี้ควรศึกษาประกันและการลงทุนที่เหมาะกับความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยง”
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนในช่วงนี้ K WEALTH วิเคราะห์ว่ามี 2 เรื่องหลัก ๆ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดอกเบี้ยขาขึ้น และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมีคำแนะนำในการปรับแผนการลงทุน ดังนี้
-ดอกเบี้ยขาขึ้น: ลดสัดส่วนตราสารหนี้ และกองทุนอสังหาฯ เนื่องจากมีโอกาสได้ผลกระทบเชิงลบ และเพิ่มสัดส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย เช่น หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน และ หุ้นที่มีการนำเข้าเป็นหลัก
-รัสเซีย-ยูเครน: ทองคำ เงินดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น มีโอกาสเพิ่มมูลค่า เพราะเป็นกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ คำแนะนำสำหรับการจัดพอร์ตเพื่อการเกษียณ ควรมีสินทรัพย์ทางเลือก ไม่เกิน 10% ของพอร์ต และเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น ควรลดสัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงสูงให้น้อยลง เพื่อเพิ่มความมั่นคงของพอร์ต