นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 65 กรมฯ ได้ปรับแผนการทำตลาดข้าวไทย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังคงมีการแพร่ระบาดโควิด เพื่อผลักดันการส่งออกตามเป้าหมาย 7 ล้านตัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ส่งได้ 6.1 ล้านตัน โดยจะเน้นกระชับความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนผู้นำเข้ารายสำคัญในจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ พร้อมใช้ช่องทางออนไลน์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามความต้องการของตลาด รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ เช่น ซาอุดิอาระเบีย หลังรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศมีการฟื้นสัมพันธไมตรีระหว่างกัน
ทั้งนี้ กรมฯจะมีการหารือร่วมกับเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญของโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวและปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มความนิยมในข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศ โดยจัดหาเชฟ บุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ พร้อมจัดทำคลิปวิดีโอสั้น เชิญชวนการบริโภคข้าวไทย และร่วมมือกับทูตพาณิชย์ ในฐานะเซลส์แมนประเทศ จัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายข้าวไทยเชิงรุกในต่างแดน
“แผนที่จะดำเนินการ มีหลายรูปแบบ เช่น ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร สถาบันสอนทำอาหาร รวมทั้งผู้มีอิทธิพล เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการหันมาบริโภคข้าวไทย ได้แก่ สหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก อิตาลี และเคนยา นอกจากนี้ มีแผนร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศ ได้แก่ ไทยเฟ็กซ์-อนูกา เอเชีย และต่างประเทศ เช่น งานกัลฟูด เมืองดูไบ, งาน ไชนา-อาเซียน เอ็กซ์โป เป็นต้น”
ขณะเดียวกัน กรมฯ มีแผนขยายตลาดข้าวไทยในซาอุดิอาระเบีย หลังจากมีการฟื้นความสัมพันธ์ โดยขณะนี้ได้ขอความร่วมมือทูตพาณิชย์ทำการสำรวจความต้องการ ทำความรู้จักผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของซาอุฯ ว่ามีใครบ้าง และเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็จะนำคณะผู้ประกอบการไทยเดินทางไปเจรจาซื้อขายข้าวต่อไป โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแรงงานชาวไทยที่จะไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการจำหน่ายข้าวหอมมะลิ แก่ผู้บริโภคที่มีรายได้สูง
ส่วนแผนผลักดันการส่งออกข้าวไทยแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กรมฯ จะติดตามผลการเจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับอิรัก เพื่อหาข้อสรุป หลังจากปีที่ผ่านมา ภาคเอกชนไทย ส่งออกข้าวไปอิรักได้สูงถึง 2.25 แสนตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว ส่วนเอ็มโอยูกับอินโดนีเซียและบังคลาเทศ ก็จะติดตาม หากมีความต้องการซื้อข้าวไทย ก็พร้อมที่จะขายให้ทันที และล่าสุด มี ติมอร์-เลสเต ที่สนใจซื้อข้าวจีทูจีจากไทย ซึ่งกำลังคุยในรายละเอียดอยู่ ส่วนสัญญาข้าวจีทูจีกับจีน ซึ่งเหลือยังไม่ได้ส่งไป 2.8 แสนตัน กรมฯจะผลักดันให้จีนซื้อข้าวไทยต่อไป แต่ล่าสุดได้รับแจ้งว่า ปีนี้จีนผลผลิตข้าวในประเทศเพิ่มขึ้น และราคาข้าวไทยสูง ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกข้าว ยังมีปัญหาค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ที่แพงขึ้น