เมื่อวันที่ 4 มี.ค.65 สำนักงาน ก.พ. (เดิม) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยหลังการประชุมคณะทำงาน ว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดฯ โดยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล มีตนเอง เป็นประธาน และพลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองประธานอนุกรรมการ

2.คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา มีนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน 3. คณะอนุกรรมการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ ที่มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธาน และได้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ 1 คณะ เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ตนเองนอกจากเป็นประธานอนุกรรมการแล้ว ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมาย ร่วมกับ พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะ เพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาสลากฯ เกินราคาอย่างจริงจัง และแก้ไขให้ตรงจุด โดยการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงฯ ซึ่งชุดปฏิบัติการแต่ละพื้นที่ มีความพร้อมดำเนินการทันทีที่ได้รับข้อมูลจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ทีมเฉพาะกิจ มีความพร้อมเต็มที่ในการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายและมีมาตรการลงโทษ และจะเริ่มดำเนินการทันที อย่างจริงจัง โดยเบื้องต้นจะมีการจัดกำลัง เข้าตรวจสอบการเบิกสลากฯ ของผู้ซื้อ-จองล่วงหน้า ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบ หากพบความไม่ชอบมาพากล หรือพฤติกรรมที่น่าสงสัย เจ้าหน้าที่จะยึดสลากฯของกลางเพื่อตรวจสอบทันที ว่าการกระทำดังกล่าว มีความผิดอาญาฐานอื่นหรือไม่ เชื่อว่ามาตรการนี้ จะเป็นการตัดตอนการขายส่งของยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และการตรวจสอบที่เข้มข้นนี้จะทำให้ กระบวนการของนายทุนน่าจะสลายไปเอง และราคาสลากฯ ลดต่ำลงมาให้ได้ ภายใน 2 เดือน  และในระยะยาวจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนให้ได้

“ขอเตือน ผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นนายทุน หรือเอาเปรียบประชาชนขายสลากฯ เกินราคา ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะแม้ว่าตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่อาจมีโทษทางอาญาในฐานความผิดอื่นๆ ได้”