เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึง การติดตามนายจ้างให้แจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดการความเป็นผู้ประกันตนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ว่า “ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีนายจ้างและสถานประกอบการหลายแห่งได้รับผลกระทบ ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมายังมี นายจ้าง/สถานประกอบการ เป็นจำนวนมาก แจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนล่าช้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ทำให้ข้อมูลผู้ประกันตนซึ่งเป็นข้อมูลหลักในระบบฐานทะเบียนที่ใช้ปฏิบัติงานไม่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนล่าช้า หรือได้รับประโยชน์ทดแทนเกินสิทธิ สำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลเกินจริง โดยตัวเลขช่วงระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. 64 ที่ผ่านมา มีนายจ้างและสถานประกอบการ ที่แจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนล่าช้า จำนวน 113,595 ครั้ง ผู้ประกันตนจำนวน 375,031 ราย
แบ่งเป็นสถานประกอบการที่ไม่ใช่ส่วนราชการ จำนวน 106,234 ครั้ง ผู้ประกันตนจำนวน 355,842 ราย และสถานประกอบการที่เป็นส่วนราชการ จำนวน 7,361 ครั้ง ผู้ประกันตนจำนวน 19,189 ราย เพื่อเป็นการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงานประกันสังคมได้มีแนวทางมาตรการเข้มงวดกับนายจ้างที่ไม่ได้แจ้งขึ้นทะเบียน และแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน โดยออกหนังสือเชิญพบเพื่อชี้แจงให้นายจ้างปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
หากพบนายจ้างมีเจตนายังหลีกเลี่ยง จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน หกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอความร่วมมือให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดต่อไป
นายบุญสงค์ กล่าวย้ำถึงหน้าที่ของนายจ้างตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างทำงานในสถานประกอบการตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) โดยนายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นแบบได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำหรับนายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ นายจ้างมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน
กรณีที่มีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้นายจ้างยื่น แบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) พร้อมระบุสาเหตุการออกจากงาน หรือกรณี ที่ผู้ประกันตนเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส.6-10) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ทั้งนี้ นายจ้างสามารถทำธุรกรรมงานทะเบียนผู้ประกันตนผ่านระบบ e-service ได้ที่ www.sso.go.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สาขา/จังหวัด/ทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง..