บรรยากาศหุ้นไทยวันที่ 2 มี.ค. 65 เคลื่อนไหวในแดนลบ หลังเกิดการขายออกของหุ้นธนาคาร จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซียและยูเครนบานปลาย และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับลดจีดีพีของไทย แม้จะมีกลุ่มพลังงานช่วยพยุงตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,689.81 จุด ลดลง 4.47 จุด หรือ 0.26% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 107,131.20 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 636.59 จุด ลดลง 3.05 จุด หรือ 0.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5,744.49 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า ผลกระทบกรณียูเครนและรัสเซียต่อหุ้นไทย คาดว่าจะปรับขึ้นดีกว่าหุ้นทั่วโลก เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากสถานการณ์ดังกล่าวใน 2 ปัจจัย คือ รัสเซียมีมูลค่าการค้าทั้งส่งออกและนำเข้าในปีที่แล้วเพียง 0.52% ของมูลค่าการค้ารวม และจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซีย คิดเป็น 3.7% ของทั้งหมดในปี 62 รวมไปถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่เกี่ยวข้องที่มีสัดส่วนค่อนข้างสูง ช่วยพยุงตลาดไม่ปรับตัวลงมาก
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ปตท.สผ. ปิดที่ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
2.บ้านปู ปิดที่ 12.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
3.ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 160.50 บาท ลดลง -2.50 บาท
4.ปตท. ปิดที่ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
5.ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 134.50 บาท ลดลง -2.50 บาท