จัดเป็นอีกหนึ่งคนของวงการบันเทิง ที่เป็นผู้ป่วยซึมเศร้า ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย สำหรับ “หมวย สุภาภรณ์” นางร้ายระดับตำนานที่หลายคนหลงรัก โดยก่อนหน้านี้ทำเอาแฟน ๆ ต้องตกใจถึงปัญหาของเจ้าตัว แถมหายหน้าหายตาไปนานหลายปี จนเกิดข่าวดังขึ้น ล่าสุด เจ้าตัวได้มาเผยความในใจในรายการ Z Story Z Holiday ถึงปัญหาที่เกิด ณ ตอนนั้น พร้อมอัพเดทชีวิตช่วงนี้ให้ฟังด้วย

หมวย เผยว่า “เรื่องงานในวงการบันเทิงเราพร้อมกลับมารับค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคนพร้อมจ้างหรือเปล่า (ยิ้ม) ที่ชีวิตพลิกผันจริง ๆ แล้ว มันเป็นความผิดของเรา อย่าไปโทษคนอื่นเลย มันเป็นความรักที่เราให้แก่คนที่เรารัก แล้วเราไว้ใจ มีเท่าไหร่เราก็ให้เขาหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ที่มันเกิดขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เราต้องขอบคุณเขามาก ๆ เลย ที่มาทำร้ายชีวิตเรา เพื่อให้เรามีวันนี้ และทำให้เรามีสติ ซึ่งตอนนั้นเรียกได้ว่า เป็นช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ และเรามีโรคประจำตัวด้วย ก็คือ โรคซึมเศร้า เราจะเป็น ๆ หาย ๆ แล้วถ้ามีอะไรมากระทบ มันก็จะเป็นขึ้นมา แล้วมันก็จะหายไป เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ที่วันดีคืนดีก็จะมากดกริ่งหน้าบ้านเรา แล้วเราก็จะรู้เลยว่า สัญญาณแบบนี้คือ อาการเรามาแล้ว”

“เรื่องป่วยซึมเศร้าจนคิดสั้น คือวันที่สุด ๆ ของเรา ที่เราคิดว่าเราจะฆ่าตัวตาย คือมันไม่ไหวจริง ๆ ตัดสินใจโทรไปไหว้กราบครูบาอาจารย์ เรามีครูบาอาจารย์ ไปลามาไหว้ แล้วเราก็โทรหาเพื่อนสนิท ซึ่งเพื่อนเราก็ตกใจมาก บอกให้เราใจเย็น ๆ เราก็บอกไปว่า พูดตรง ๆ นะ เราไม่ไหวแล้ว อยากพักแล้ว และมีสิ่งเดียวที่เราอยากขอก็คือ เมื่อเราไม่อยู่แล้ว ช่วยเอาลูกของเราไปอยู่กับพี่สาวเราที่ทำอู่รถ เพื่อนเราก็ตกใจ เขาก็บอกเราว่า ให้รอ 2 นาที เราตอนนั้นสมองไม่ทำงานแล้ว เราก็ไม่เข้าใจว่า 2 นาทีคืออะไร เราก็รอ จากนั้นคุณบอย ช่องวันบันเทิง ก็โทรฯมา แล้วบอกกับเราว่า พี่หมวยสัญญากับบอยได้ไหม เราก็บอกว่า ได้ครับ ถ้าพี่หมวยทำได้ พี่จะสัญญา แต่ถ้าทำไม่ได้ ไม่สัญญานะ เขาก็บอกว่า ผมขอข้อเดียวครับ รอผม 3 วัน ตอนแรกเพื่อนเราบอกให้เรารอ 2 นาที พอมาคนนี้บอกให้เรารอ 3 วัน เราก็บอก รอก็รอ เราคิดว่า เขาคงจะแค่มาแล้วเอากระเช้ามาเยี่ยม แล้วคงจะบอกเราว่า สู้ ๆ นะ แต่เราอยากจะบอกว่า เราไม่สู้แล้ว ปรากฏว่า พอ 3 วัน เขาก็มาจริง ๆ ตามสัญญา”

หมวย เล่าต่อว่า หลังจากนั้นมีคนมาให้กำลังใจเยอะมาก คือเราไม่เคยคิดว่า ดาราตัวเล็ก ๆ อย่างเราเกิดมา แล้วก็แก่แล้วด้วย ยังจะมีคนให้ความสนใจเราอยู่อีกเหรอ พอเขามาให้กำลังใจเรา เราก็รู้สึกว่า เรายังมีประโยชน์นะ คนมาให้กำลังใจ เขาช่วยเหลือเราด้านจิตใจค่ะ เพราะจะบอกว่าหมวยไม่เคยรับบริจาคนะคะ แต่ก็มีบางเคสอย่าง แฟนคลับจากเดนมาร์ก อยู่ ๆ เขาก็โอนเงินมา แล้วเขาก็เขียนวัตถุประสงค์มาเลยว่า ให้เราเอาไปทำบุญ เราก็จัดการเลย แยกเงินเป็นส่วน ๆ และเอาไปทำบุญเลยทันที และก็ยังเหลืออีกก้อนหนึ่ง เพื่อที่จะเอาไปทำบุญกับวัดป่าให้เขา”

“แต่เรื่องเอาชื่อหมวยไปหลอกลวงบริจาคคือ มีเพจบางเพจเอาเราไปขอรับเงินบริจาค เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร หรือทำไปทำไม เราขอยืนยันว่าเราไม่ได้เปิดรับบริจาค อย่างคนในวงการตอนเดือดร้อนมีคนมาช่วยเยอะ คนแรกเลย ถึงขั้นน้ำตาไหลเลยนะ คือ พี่ปราบค่ะ คุณปราบ ยุทธพิชัย ซึ่งไม่ได้เจอกันนานมาก 20-30 ปีเลยทีเดียว เขาบอกว่าพี่ขอช่วยนะ เราก็ตอบไปว่า พี่หนูไม่เอา เขาก็บอกว่า เอาไป หมวยเป็นน้องพี่ ส่วนคนที่สอง คือคุณเจค ศตวรรษ สมัยก่อนสนิทกันมาก เรียกว่ากินนอนด้วยกัน เขาบอกว่า หมวย มีอะไรโทรหาฉันนะ แกห้ามตายเด็ดขาด แล้วก็ย้ำตลอดว่า เข้าใจนะ แกห้ามตาย แล้วอีกคนก็คือ พี่นาง ศิริพร อำไพพงษ์ จริง ๆ เราไม่ได้รู้จักกันเลย เขาให้ผู้จัดการโทรฯมา บอกว่าเขาถูกลอตเตอรี่เยอะแยะมากมาย แต่เราก็ไม่ได้ทราบนะคะ ว่ายอดเท่าไหร่ เขาก็โอนเงินมาให้ก้อนหนึ่ง ไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่เขามีใจอยากช่วย และรายล่าสุดเลย เป็นครูสอนบัลเล่ต์เราตั้งแต่เด็ก ๆ คือ ครูโจ้ สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา ครูโจ้ก็บอกว่า ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย แล้วตอนนี้เธอเป็นอะไร อย่างไร มีคนมาเล่าให้ฉันฟัง คำถามเต็มไปหมด เราก็บอกว่า พี่ใจเย็นก่อนนะ หนูควรจะตอบคำถามไหนก่อน เขาก็ช่วยเรา ให้กำลังใจเรา”

“ชีวิตตอนนี้ฟ้าหลังฝนไหม เรียก​ได้แล้วนะคะ เพราะว่าตอนนี้เรามีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต และยังมีน้อง ๆ ที่น่ารักหลาย ๆ คน พยายามที่จะช่วยเหลือพี่หมวย ในส่วนของการหางานให้ แนะนำงานต่าง ๆ ชักชวนออกรายการ พี่หมวยก็อยากจะกราบขอบพระคุณทุก ๆ คนที่ยังนึกถึงกัน แต่ที่หมวยช่วยเอสเอ็มอีด้วยคือพาร์ทเนอร์ของเรา เขามีผลิตภัณฑ์ แล้วเราก็มานั่งคุยกัน เขาบอกว่า มันมีน้ำปลาร้า มีผัดไท มีกาแฟ ซึ่งไม่มีใครช่วยเขาเลย เราก็บอกว่า เอามาสิ เดี๋ยวฉันช่วย เราก็จัดการไลฟ์ขายเลยค่ะ บางวันเราก็ไลฟ์ตำส้มตำไปเลย ขายน้ำปลาร้า ซึ่งเราขอรับประกันเลยว่า สินค้าที่เราเอามาทั้งหมด เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นของคนไทยแท้ ๆ เพราะฉะนั้น ไทยต้องช่วยไทย และในเมื่อเรามีโอกาส ซึ่งโอกาสมันไม่ได้วิ่งเข้ามาหาเราทุกวัน และในตอนนี้ เรามีคนให้ความสนใจกับเราเยอะแยะมากมาย เราก็หยิบโอกาสตรงนี้มาแชร์ เราทั้งได้ช่วยคนอื่น และเรายังได้บุญ มันมีความสุขตรงนี้ ที่ใจ”