เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นายเกรียงศักดิ์ รักษ์ศรีทอง นายอำเภอพรหมคีรี ได้ทำหนังสือลงวันที่ 1 มีนาคม 2565 แจ้งผลการสอบสวนคุณสมบัตินายสถิตย์ นนทโชติ นายกเทศมนตรีตำบลพรหมคีรี ให้นายเอราวัช สวัสดิสาร ซึ่งเป็นผู้ร้องตามหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 20 สิงหาคม 2564 ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัตินายสถิตย์ นนทโชติ นายกเทศมนตรีตำบลพรหมคีรี และให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
เนื่องจากมีคุณสมบัติขัดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 50 (10) บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมีให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่า ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐหรือ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนักกฎหมายว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์หรือกฎหมายว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
โดยศาลจังหวัดปากพนังได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่253/2532 ว่านายสถิตย์ ฯ กระทำความผิด “ชิงทรัพย์” ให้จำคุก 16 ปี แต่จำเลย รับสารภาพ จึงลงโทษจำคุก 7 ปี ซึ่งท่านเห็นว่านายสถิตย์ ฯขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 50 (10 )ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือท้องถิ่น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 นั้น จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แจ้งให้นายอำเภอพรหมคีรีในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลเทศบาล ตำบลตามมาตรา 71แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2469 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14 ) พ.ศ. 2562 ประกอบ คำสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 1972/2563 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2563 เรื่อง มอบหมายให้นายอำเภอปฏิบัติการแทนตามมาตรา 71 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 ดำเนินการสอบสวนและวินิจฉัยความเป็นนายกเทศมนตรีตำบลพรหมคีรีของ นายสถิตย์ นนทโชติ โดยอำเภอพรหมคีรี ได้มีคำสั่ง ที่ 285/2564 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ดำเนินการสอบสวนกรณีตังกล่าว
และอำเภอพรหมคีรี ได้รับรายงานผลการสอบสวนจากคณะกรรมการพิจารณาจากข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนแล้วมีความเห็นว่า นายสถิตย์ นทโชติ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 50 (10) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลจังหวัดปากพนังตามคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ 253/2532 หมายเลขคดีแดงที่ 570/2532 ในความผิดฐานชิงทรัพย์อันเป็นเหตุให้พ้นจากตามตำแหน่งมาตรา 48 เบญจ และมาตรา 48 ปัญจทศ (4 )แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมประกอบมาตรา 50 (10) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562
นายอำเภอพรหมคีรีพิจารณา จากรายงานผลการสอบสวน ของคณะกรรมการพยานหลักฐาน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นพ้องด้วยกับผลการสอบสวนดังกล่าวอาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง และมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 และ 36 แห่งกฎกระทรวงการสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งบางตำแหน่งในเทศบาลพ.ศ. 2563 ประกอบคำสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 1972 /2563 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2563 เรื่องมอบหมายให้นายอำเภอปฏิบัติการแทนตามมาตรา 71 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14 ) พ.ศ. 2562 วินิจฉัยให้ความเป็นนายกเทศมนตรีตำบลพรหมคีรีของนายสถิตย์ นนทโชติ สิ้นสุดลง เนื่องจากเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้รับเลือกตั้ง ตามมาตรา 48 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 50-(10) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 อันมีผลให้ต้องพันจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลพรหมดีรีตามมาตรา 48 ปัญจทศ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ทั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565
โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก กรณีบทกำหนดโทษตามมาตรา120 ที่ระบุว่าผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีโดยรู้แล้วว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 20 ปี
ในระหว่างที่ไม่มีนายกเทศมนตรี ให้ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่ของนายกเทศมนตรีเท่าที่จำเป็นได้เป็นการชั่วคราว จนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตามมาตรา 48 ปัญจทศ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 โดยนายเอราวัช สวัสดิสาร ผู้ร้องจะแถลงข่าวอีกครั้งในวันนี้ (2 มี.ค.)